Translate

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ มาลี (สุโขทัย) ที่ เชียงใหม่

" มาลี "  ....   ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ สูตร สุโขทัย  ที่  จังหวัด เชียงใหม่



                               ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรสุโขทัย    " มาลี "   ....  ไม่ว่า  ไปไหน มาไหน  ในเมืองเชียงใหม่  จะเห็น ป้าย ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านนี้ไปทั่วเมืองเลยครับ  ....   ตอนแรก ผมนึกว่า  เค้าขาย  แฟรนชายน์  เพราะ  สังเกตุเห็นว่ามี  ร้านนี้เปิดขาย  อยู่เกือบทุกมุมเมือง เชียงใหม่ เลยครับ  ....   แต่ผมก็เป็น ลูกค้าประจำ ร้านนี้  ที่ตรง   " เชียงใหม่ 89 พลาซ่า "     แถวๆตรงข้ามโรงพักแม่ปิง  ....  มาทราบทีหลังว่า ร้านนี้ปัจจุบันมีอยู่  5 สาขาที่เชียงใหม่   และ แต่ละสาขา ก็เป็นญาติกันหมด  ....   เห็นกิจการดี ก็เลยมาช่วยกันขยายกิจการ  จนมีอยู่ทุกมุมเมืองเลยทีเดียวครับ   ....  ร้านนี้แห่งแรกเปิดอยู่แถวถนนวัวลาย เมื่อประมาณเกือบ  25  ปีที่แล้ว   ต่อมาขายดี  ....  ที่เดิมเริ่มคับแคบ   เพิ่งจะย้ายสำนักงานใหญ่มาที่    เชียงใหม่ 89 พลาซ่า    เมื่อเร็วๆนี้เองครับ
















                                แน่นอนครับชื่อร้านก็บอกอยู่แล้ว  ว่าเป็น   " ต้มยำสูตรสุโขทัย "    ร้านนี้ถือว่า เป็นต้นตำหรับ ของ สูตรสุโขทัย  เป็นร้านแรกๆของเชียงใหม่เลยละครับ   ....  ก๋วยเตี๋ยวแบบ สุโขทัย  ก็จะคล้ายๆกับ ก๋วยเตี๋ยวหมูจากที่อื่นๆ เช่นกันครับ  แต่ที่เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนก็คงจะเป็น  การหั่นถั่วฝักยาว สไลด์บางตามยาว  ...  มีรสแบบต้มยำแห้ง ที่มี หว่านนำเล็กน้อยครับ  ....  มาร้านนี้ ก็ต้องสั่ง ก๋วยเตี๋ยวแบบ สุโขทัยมาลองแน่นอนครับ

เส้นเล็กยำแห้งใส่ไข่ต้ม   .........   จานนี้เป็นจานเด็ดของที่ร้านนี่้เลยครับ  เป็นเส้นเล็กที่ลวกมาสุกกำลังดี   ปรุงรสยำ  มาแบบ แทบไม่ต้องปรุงอะไรเลยครับ ...  วางหน้าไว้ด้วย หมูต้มสีขาวสวย  หมูสับ  ลูกชิ้นหมู  และ ไข่ต้มยางมะตูม   ....  รสชาติอร่อย  ไม่ต้องปรุงอะไรเลยครับ

วุ้นเส้นต้มยำ   ..........    พอได้ลอง ก๋วยเตี๋ยวยำแห้งแล้ว  ก็ต้องลองต้มยำน้ำ ด้วยซะหน่อยครับ  ....  วุ้นเส้นลวกมาแบบ ทานง่ายลื่นคอดีครับ   ปรุงรสต้มยำมากลมกล่อมดีครับ  แต่คงเอาใจลูกค้า  เลยทำรสไม่จัดจ้านมากนัก  ...    ผมต้องเติม น้ำปลานิดนึง น้ำส้มหน่อยนึง พริกป่นอีกเล็กน้อย  เพื่อความเร้าใจ

ขอบอกก่อนนะครับ  สำหรับท่านที่  กระเพราะเล็ก  ...  ก๋วยเตี๋ยวที่นี่ทุกจาน  ขนาดใหญ่มากนะครับ  ตัวเล็กๆผมว่า  จานเดียวแทบอยู่เลยครับ  ....   นอกจากก๋วยเตี๋ยวยังมีอาหารอีกหลายชนิดติดอยู่ที่เมนู ขนาดใหญ่ที่ข้างฝา  ...   ไม่ว่าจะเป็น ต้มเลือดหมู  ,  ข้าวคลุกกะปิโบราณ  ,  ผัดไทย  ,  ก๋วยจั๊บ  ,  ข้าวซอย  และ  อีกหลายๆอย่าง   แต่ไปทีไร ผมทานแค่  2 อย่างก็อิ่มเลยครับ  ....   เลยไม่มีโอกาส ได้ลองชิมเมนู อื่นๆเลยครับ
 
มีของโปรด ของผมอีกอย่างนึง  ก็คือ  ของหวาน  ครับ   ....   ที่นี่มีให้บริการของหวาน แบบ  บุฟเฟ่ท์ ถ้วยละ 10 บาท  ,   มีขนมให้เลือกมากมายเช่น  กล้วยบวชชี   ,  สาคู  ,  ข้าวเหนียวถั่วดำ น้ำกระทิ (ถ้วยนี้แหละครับของโปรดผม มาทีไรเติมกระทิซะเต็มถ้วยทุกทีไป อร่อยเลยครับ)


      




                             ร้านนี้ยิ่งมายิ่งขยายใหญ่ครับ    ผมมาครั้งสุดท้ายปีที่แล้ว  ยังคงมีแค่ 3 คูหา ปัจจุบันกลายเป็น 4 คูหาซะแล้ว ....  เรียกว่าย่านนั้น  ถ้าเห็น  รถจอดเต็มลานจอดรถ แล้วละก้อ  ...  ลูกค้าร้านนี้เกือบทั้งนั้นเลยครับ   ขายดีอย่างนี้คงไม่ต้องอธิบายว่าอร่อยแค่ไหนแล้วละครับ   
ร้านนี้มี 5 สาขาด้วยกันครับ 
สำนักงานใหญ่ (เรียกยังกับธนาคาร) เชียงใหม่ 89 พลาซ่า  .....   โทร   053-334-321
สาขาประตูสวนดอก   .....    โทร   053-326-289
สาขาวงแหวนรอบแรก หลังพายัพ    .....    081-993-8275 
สาขาช้างเผือก (ถนนหมื่นด้ามพร้าคต ซอย6)   .....   089-635-6399  
สาขาเวียงปันนา ปากทางถนนเชียงใหม่-สันกำแพง(เส้นเก่า)   .....  086-410-0568  (สาขานี้  ไม่แน่ใจว่า ปิดไปแล้วรึยัง นะครับ)  
อยู่ใกล้ตรงไหนลองแวะไปชิมดูครับ





ป๋าปึกส์
31/01/2554

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

เฮือนเพ็ญ .. อาหารเมือง ที่ กลางเวียง ... เชียงใหม่

" เฮือนเพ็ญ "   .. อาหารเมือง  มื้อกลางวัน ที่ กลางเวียง  ...  เชียงใหม่



















                                  มื้อกลางวันที่กลางเวียง  เชียงใหม่  .....  ถ้าผมเป็นนักท่องเที่ยว  หรือ คนต่างถิ่น  ที่มาเที่ยว หรือ มาธุระ ที่เชียงใหม่ ..  อาหารมื้อแรกที่ จะต้องมาถึง แล้วลองไปทานให้ได้   คงจะต้องเป็น    " อาหารเมือง "     (อาหารเหนือนั่นเองครับ)   .....   เป็นไปตามคำนิยามของฝรั่ง ...  เวลาจะแนะนำ  ให้ใครไปท่องเที่ยวที่ไหนๆในโลก   คนที่จะแนะนำเค้ามัก  จะเปรียบเทียบให้ผู้ที่จะไปเที่ยว ฟังว่า     " Do as Roman did  when  you are in  Rome "     ความหมายในประโยคนี้ก็คือ    " ทำตัวให้เป็นแบบที่ ชาวโรมันทำ เวลาที่คุณอยู่ในกรุงโรม "     และ ความตั้งใจอธิบายก็คือ     " คุณควรทำตัวให้เข้า คนในพื้นที่  ในทุกที่  ที่คุณจะเดินทางไป "      นั่นเองครับ  ...  วันนี้ขึ้นต้นยังกับ ชั่วโมงวิชาสอนภาษาอังกฤษแหนะ ครับ ... 55555
                                  เช่นเดียวกันครับ  เวลามาเที่ยว เชียงใหม่  ก็ควรปรับตัวให้เข้ากับ บรรยากาศ และ วิถีชีวิต ของคนในเชียงใหม่  เช่นกันครับ  ...  เราจะได้เข้าใจลึกซึ้ง   ถึงสิ่งต่างๆ ที่บรรพบุรุษในอดีต  พยายามถ่ายทอด และ สืบสาน วัฒนธรรมอันงดงาม  จนเป็นที่เชิดหน้าชูตา ของบ้านเมืองแห่งนี้  จนเป็นเสน่ห์  ในการดึงดูด   นักท่องเที่ยวให้หลั่งไหล  มาเที่ยวเมืองเชียงใหม่ อย่างเช่นทุกวันนี้ ...  คงจะต้องเริ่มต้นการปรับตัวเข้าสู่ โหมดแบบ เชียงใหม่    ด้วยการทานอาหารพื้นเมืองเป็นอันดับแรกเลยครับ





 














                                  ถ้าเอ่ยถึง  ร้านอาหารพื้นเมืองที่เชียงใหม่   ที่มีนักท่องเที่ยวรู้จักมากที่สุด คงไม่มีใครเกินร้าน     " เฮือนเพ็ญ "      ร้านเก่าแก่เปิดมานานกว่า 40 ปีแล้วครับ  ...  ร้านนี้อยู่ในย่านกลางเวียง  ตั้งอยู่บน ถนนราชมรรคา  ..  อยู่ตรงข้าม โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่     ถนนแถวนั้นวันเวย์เยอะหน่อยนะครับ  แต่หากไปไม่ถูก  ก็โทรถามทางเอาดีกว่าครับ ที่    053-814-548  ,  053-277-103    
ร้านนี้เปิดขายตั้งแต่เช้า   08.00 น.  จนถึง  16.00 น. 
                                  ร้านเฮือนเพ็ญ ที่ผมเขียนถึงวันนี้  เป็นร้านดั้งเดิม  มีที่นั่ง จุผู้คนได้มากมาย ผมมองแล้วน่าจะจุคนได้ถึง 300 คน น่าจะได้ครับ ... ร้านนี้เก่าแก่ แต่สะอาดสะอ้าน  มีห้องน้ำห้องท่า เตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยว  ได้ใช้บริการหลังเดินทางกันมาไกล ... ที่ร้านนี้ขายเฉพาะมื้อกลางวัน  (ผมเคยเขียนร้านเฮือนเพ็ญ ที่ขายเฉพาะมื้อเย็นไปแล้ว อยู่ติดกัน แต่เปิดช่วงเย็นเท่านั้นครับ)  ...    ที่ร้านนี้  ถึงแม้ในช่วงเทศกาล และ วันหยุดยาวๆ  ลูกค้าก็มาอุดหนุนกันเนืองแน่นอยู่แล้วครับ  ยิ่งช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว  ผู้คนแน่นขนัด เต็มร้าน ทุกครั้งไปครับ  ...  แต่ด้วยคุณภาพที่ทำกันมานาน  เค้าสามารถ ทำให้  รสชาติ  ,  คุณภาพของอาหาร  ยังคงรักษาความอร่อยไว้ได้อย่างดีเลยครับ   และ   ยังคงรักษาการบริการ ที่รวดเร็ว ทันใจ แม่นยำ ได้อย่างดี เหมือนเดิมด้วยอีกครับ















                                  อาหารที่ร้านนี้  เป็นอาหารเมืองแบบเชียงใหม่ แบบดั้งเดิมที่ ชาวเชียงใหม่ทานเป็นอาหารประจำวัน  มีมากมายหลายรายการดังนี้ครับ

ข้าวซอย  .........  อาหารพื้นเมืองทางเหนือ ที่ได้รับการถ่ายทอด มาจาก  ชาวจีนมุสลิม (ที่เรามักเรียกกันว่า  " จีนฮ่อ " )    ที่ในอดีต ชาวจีนฮ่อ ได้อพยพ ลี้ภัย  มาจาก ประเทศจีนทางตอนใต้ เข้ามาตั้งรกรากในทางเหนือของไทยเรามานานนับ ร้อยปี  ... คนพื้นเมืองโบราณ เรียกข้าวซอยว่า  " ก๋วยเตี๋ยวฮ่อ "  ครับ  ...  ข้าวซอยในอดีต เลยมีเพียงแค่  ข้าวซอยไก่ และ เนื้อเท่านั้นครับ  ... ข้าวซอยที่ร้าน เฮือนเพ็ญ  เป็นหนึ่งในข้าวซอยที่ยังคงรักษา รสชาติดั้งเดิม อย่างเหนียวแน่นครับ ... อย่าพลาด โดยเด็ดขาด  ข้าวซอยร้านนี้ อร่อยมากครับ

ขนมจีนน้ำเงี้ยว  ..........  น้ำเงี้ยว เป็นอาหารที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก ไทยใหญ่ ... น้ำแกงรสชาติออกเค็มเผ็ด มีรสเปรี้ยวจากมะเขือเทศ นำหน้า  ใส่ลงบนเส้น ขนมจีน ( คนเมืองเรียกว่า ขนมเส้น)  ... ชาวไทยใหญ่จะเรียกว่า  "  เข้าเส้นน้ำหมากเขือส้ม "    คำว่า น้ำเงี้ยว  หรือ น้ำงิ้ว มาจาก เครื่องปรุงที่เป็นส่วนสำคัญ ที่ใส่ลงไปน้ำเงี้ยว   ก็คือ  เกสรดอกงิ้ว  ชนิดแดงตากแห้ง (ดอกต้นงิ้วแดง)  
อาหารจานนี้เป็นที่ เชิดหน้าชูตาของร้านนี้เลยครับ .... น้ำเงี้ยวร้านนี้ อร่อยไม่แพ้ใครในเชียงใหม่เลยหละครับ  ... ผมชอบสั่ง เกาเหลาน้ำเงี้ยวที่นี่ มา ซดเล่น  ชื่นใจดีครับ   

ใส้อั่ว  ..........  อร่อย จัดจ้าน ถึงเครื่องดีครับ  ...  ที่สำคัญ เค้าทำไส้อั่วเอง ครับ  
น้ำพริกหนุ่ม  ,  น้ำพริกอ่อง  ,  แคบหมู    .........   อาหารยอดนิยมของภาคเหนือเลยหละครับ  ไปที่ไหน ก็มีรายการเหล่านี้อยู่ทุกร้าน ครับ ...  แต่หากชอบรสแบบ เดิมๆ ก็ ร้านนี้เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ  

น้ำปู๋ (น้ำพริก ที่ทำจากปูดำ)  .........  อาหารหาทานยากครับ  อาจเป็นเพราะร้านอาหารอื่นๆ คิดว่าคนต่างถิ่นคงจะไม่ชอบ  เป็นการเอาปูนา มาตำมาหมักตามแบบฉบับ ของคนเมือง  ...  จานนี้ลองสั่งมาจิ้มกับ ข้าวนึ่งก็อร่อยสุดสุดเลยครับ

ก็ยังมีอาหารเมืองจานเด็ดอีกมาก   เช่น    แกงฮังเล  ,  จอผักกาด  ,  ตำมะเขือยาว   ,   แกงโฮ๊ะ    และอาหารตามฤดูกาล    อย่าง    แกงผักหวาน  ,  แกงหน่อไม้   หรือ   เห็ดถอบ    ยังมีรายการอร่อยๆอีกนับไม่ถ้วน
                                   แต่จานโปรดของผม  ที่ไปทุกครั้งสั่งทุกที  คือ  ซี่โครงหมูทอด (ผมไปทุกเที่ยว ผมสั่ง ไม่ต่ำกว่า   3 จานทุกครั้งที่ไปครับ ... ชอบจริงครับ)   , ตำส้มโอน้ำปู   ,   ตำกระท้อนน้ำปู๋    ,    จอผักกาด  ,    แค๊ปหมู ....  แต่ที่ผมต้องสั่ง มากลั้วคอ  เป็นประจำก็คือ    " เกาเหลาน้ำเงี้ยว "      ครับ (บีบมะนาวนิดนึง...อืมมมม) ....    ที่สำคัญอาหารทั้งหมดต้องแกล้มด้วยข้าวนึ่งร้อนๆ  (ขาวนวล อร่อย)   และ  ผักสดจานใหญ่



















                               เวลามาร้านนี้ช่วงกลางวัน ถ้ามาตอนเที่ยงตรง  อาจจะคนเยอะหน่อยนะครับ  หลบเวลาซะหน่อย    เป็น 11 โมงกว่า หรือ บ่ายโมง ก็จะบรรเทาลงหน่อยครับ
                               อย่าลืมนะครับ      " ไปโรมต้องทานสปาเก็ตตี้  มาเชียงใหม่ต้องมาทานที่ ร้าน เฮือนเพ็ญ "       รับรองไม่ผิดหวังครับ  อร่อยจริงครับ
โทรจองที่นั่งได้ที่    053-814-548  ,  053-277-103    



แผนที่ร้านอาหารทั้งหมดที่ผมเขียนแนะนำ ไว้ใน   " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM 



ป๋าปึกส์
27/01/2554
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun


วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

Le Cog d'Or ที่ เชียงใหม่


Le   Cog   d'Or     ที่   เชียงใหม่
















                  ผมจำได้ว่า ตอนย้ายมาอยู่เชียงใหม่ในอาทิตย์แรก เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว  ก็มาทานอาหารฝรั่งเศส ที่ร้านนี้เป็นร้านแรก  ความรู้สึกตอนนั้น ... ต้องร้อง WOW  เลยทีเดียวเลยละครับ  ก็เพราะว่าคิดไม่ถึงว่าจะมีร้านอาหารฝรั่งเศสดีๆ ไม่แพ้เมืองหลวงในขณะนั้น (เมื่อ 10  กว่าปีที่แล้ว)   ทั้งการตกแต่ง , อุปกรณ์ , อาหาร และ บริการ  แต่ราคาในขณะนั้น มีความรู้สึกว่าแพงกว่าปัจจุบัน   ทั้งนี้ผมเข้าใจว่าในขณะนั้นยังไม่มีร้านอาหาร  โก้ๆ ดีๆ ในเมืองเชียงใหม่  ...  เรียกได้เลยว่า สมัยก่อนร้านนี้โก้หรูที่สุดแล้ว  และ  เป็นที่เลื่องลือกันว่ามีแต่เศรษฐีมาทานที่นี่ (ยกเว้นป๋าปึกส์นะครับ)    ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านอาหารฝรั่งหรูๆดีๆ  ที่เก่าแก่ที่สุดเปิดมากว่า 30 ปี















                 ในปัจจุบัน เชียงใหม่ มีความเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก  ในธุรกิจโรงแรม อาหาร และ บริการ  มีนักลงทุนจากเมืองหลวงและที่อื่นๆ เข้ามาลงทุน  โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพ และ การเจริญเติบโต  ทางการท่องเที่ยวของเชียงใหม่  ...   ทุกอย่างมีการแข่งขันกันสูงมากขึ้น  จนในปัจจุันผมว่าการแข่งขัน ทางด้านโรงแรม และ ร้านอาหาร   ค่อนข้างขึ้นไปจนเกือบจะถึงขีดสุดแล้ว  ...  ร้านอาหารในปัจจุบัน  ไม่ใช่จะอาศัยอาหารอร่อยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  ...  วันนี้ทุกร้าน ต้องลงทุนเพิ่มในหลายเรื่อง  ไม่ว่าจะเป็น การตกแต่ง , อุปกรณ์ , รสชาติ , การตกแต่งอาหาร , บริการ , การประชาสัมพันธ์ และ ราคาอาหาร  ....  ผมว่า  เชียงใหม่  เป็นเมืองที่มีร้านอาหาร(ดีๆ) เยอะเป็นอันดับสอง รองจาก กรุงเทพฯ เลยทีเดียวครับ
                 ที่ร้าน Le Cog d'or   มีการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองมาตั้งแต่อดีต  ที่ต้องถือว่า  เป็นจุดเด่นสำคัญ  ความมีชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน  คุณภาพและรสชาติ  ที่ยังคงรักษาไว้ได้ดังเดิม  การบริการ ที่ละเอียดอ่อน และได้รับารฝึกฝนและอบรมมาอย่างดี  ด้วยสาเหตุเหล่านี้ทำให้  ร้านเก่าแก่ร้านนี้  ยังคงยืนในความนิยมอยู่มายาวนาน










                  ร้านนี้ตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน สไตลส์บ้านในประเทศอังกฤษ  เหตุผลว่าทำไมผมเองไม่ได้ศึกษาและก็ยังไม่มีใครเล่าให้ฟัง  ท่านใดทราบ กรุณาส่งมาให้เป็นความรู้เพิ่มเติมด้วยนะครับ แต่อาหารที่นี่เป็นอาหารฝรั่งเศสแท้ๆ   ถึงแม้จะลงทุนทำให้บรรยากาศดูโก้หรู   แต่ที่นี่ก็เป็นร้านทีท่านไม่จำเป็นต้องแต่งองค์ทรงเครื่องอะไรมากมาย    ผมชอบคำศัพท์ของฝรั่ง  เวลาเค้าเขียนถึงร้านอาหารเค้าเอง   เพราะในการแนะนำร้านอาหารของหนังสือในต่างประเทศเค้า  จะต้องบอกรายละเอียด ทุกอย่าง ตั้งแต่ความเป็นมาของร้านนั้นๆ  การตกแต่ง  รายการอาหารที่แนะนำ  ประมาณราคาที่จ่ายต่อคน   แม้กระทั่งว่า   ควรแต่งตัว ไปร้านนั้นๆอย่างไร 
                 ซึ่งในปัจจุบัน   แม้กระทั่ง   ร้านดังในฝรั่งเศส หลายๆร้านที่เคยระบุว่า ต้องใส่สูท ใส่แจ๊คเก็ต มาทานอาหาร   ยังต้องเปลี่ยนข้อจำกัด  ของพวกเค้าเกือบทั้งหมดเป็น  Smart Casual หมดแล้ว   ...  แต่คำว่า Smart Casual   มันมีความหมายที่ไม่ธรรมดา ไม่ได้หมายความว่า  ใส่ชุดอะไรก็ได้ตามสบายแต่เท่ห์   ...  มันเป็นการแสดงออกถึงรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคน  ว่าที่แต่งมานั่นนะมัน  Smart ในสายตาตัวท่านเองแล้วหรือ  ....  ที่เขียนเรื่องนี้ยาวก็เพราะ  อยากให้พวกเราคนไทย ไปไหนต้องให้เกียรติ  คนอื่น และ สถานที่ มากกว่าที่เป็นเท่านั้นครับ   (แต่บางครั้งฝรั่งเอง  ก็แต่งตัวน่าเกลียดมากครับแล้วชอบมาดูถูกคนไทย ... แต่บางครั้งก็เข้าใจได้ว่า  นั่นแหละ Smart ของเค้าแล้วหละ)
 แต่ที่ร้าน  Le Cog D'or  ไม่ได้บังคับให้แต่งตัวอย่างไรนะครับ  แต่ผมก็เห็นแขกที่ไป ก็แต่งตัวดีๆ กันทั้งนั้นครับ 





               










                  เล่าเรื่องอื่นมายาวเยียด ยังไม่พดถึง อาหาร ใน Le Cog  d'Or  เลยครับ .....  อาหารที่นี่มีเมนูให้ท่านเลือกมากมาย   ราคาเท่าที่สังเกตุแล้วไม่ได้แพงกว่า ร้านฝรั่งเศส ร้านอื่นเลย  (ไม่ต้องห่วงครับ ปัจจุบันคู่แข่งเยอะขึ้น ทุกร้านเค้าเช็คราคาซึ่งกันและกันอยู่แล้ว)    อาหารที่นี่มีคนเขียนถึงและชมไว้เยอะ และ ได้รางวัลเยอะแยะไปหมด  แต่เหมือนเดิมครับ ผมขอบอกเฉพาะเมนูที่ชอบทานประจำของผม  จนพนักงานเค้าจำได้ว่าจะต้องสั่งอะไรเลยละครับ 
                  สำหรับผมก็ต้อง  ซุปใสไก่ , ซุปหัวหอมแบบฝรั่งเศส  (ซุปที่นี่ต้องชมในการควบคุมอุณหภูมิเลยครับ  ต้องเสริฟ ร้อนแบบร้านนี้เลยครับ)  จานต่อไป   ฟอว์การ์ทอด  ,  อกเป็ดอบแล้วทอด ราดซ้อส (จานนี้จานโปรด ถึงแม้ทำคนละสไตลส์ แต่รสชาตไม่แพ้  La tour d'argent เลยทีเดียวครับ)  นอกจากนั้นก็มี สเต็คเนื้อดีๆ  และอีกหลายเมนูครับ  ลองชิมดูนะครับ




        














                    ที่นี่นอกจากอาหาร บรรยากาศ แล้วท่านที่ชอบฟังเพลงเบาๆ เก่าๆ ที่แสนจะคลาสสิค  ร้องด้วยลีลาที่ไม่มีใครเหมือน  ต้องมาฟังนักดนตรี คนโปรดของผมทั้งสองท่านเลยครับ  รับรองว่า จะเพลิดเพลินไปตลอดทั้งคืนครับ  
                   ลองแวะไปชิมนะครับ  ร้านนี้ไม่ได้แพงอย่างที่คิดครับ แต่เมื่อเทียบกับความสุนทรีย์ที่ท่านจะได้เพลิดเพลินตลอดเวลา ของการทานอาหารค่ำในค่ำคืนพิเศษแล้วละก็  โทรไปจองที่นั่งได้เลยครับ   ที่      053-801-501    และ    084-370-5455 


                    หรือลองคลิ๊กเข้าไปดูที่   http://www.lecogdorchiangmai.com/      




ป๋าปึกส์
25/01/2554


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun



วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

ครัวป้าไก่ ... หลังกองบิน 41 เชียงใหม่


" ครัวป้าไก่ "   ... หลังกองบิน 41   เชียงใหม่
















                                    ผมจำได้ว่า ..  วันที่ไปทานอาหาร ที่ร้านนี้ กับ ซูโม่ แป๊ปซี่   ...  เป็นวันที่   อึดอัดที่สุด วันนึงเลยครับ  ไม่ได้   อึดอัด  เพราะไปกับดาราวัยกลางคน แบบ แป๊ปซี่ นะครับ  และ  ไม่ใช่อากาศร้อนแล้วอึดอัดนะครับ   ...   แต่เป็นวันที่  เราไปตระเวน  ชิมอาหาร   มาหลายร้าน  ...  และเราทาน กันแบบไม่ยั้ง  เยอะมากจรืงๆ ครับ   เยอะ จนต้องแอบ ปลดตะขอ และ เอาเสื้อออกนอกกางเกง  เพื่อปิดปังซ่อนเร้น  พุง  ที่  ค่อยๆ ยื่นออกมาทีละ น้อย ครับ   5555
                                   ร้านที่ผม จะแนะนำวันนี้   ต้องยกเครดิคให้  คุณซูโม่แป้ปซี่ ครับ  .. แก เป็นคนแนะนำ และ พาผมมาด้วยตัวแกเองเลยครับ   ...  วันนี้ทั้งวัน ผมกับแป๊ปซี่  ลัดเลาะ  ทานกันมาทั้งวัน  เริ่มกันตั้งแต่ตอนสายๆ   ระหว่างทางที่นั่งรถไปดูที่ดิน กันมา  ...  ผมชอบขับรถดูที่ดินแปลงสวยๆ ที่มีคนจะขาย  ชอบจนสามารถ ขับรถไปดูได้  เกือบทุกวันเลยทีเดียวครับ   ไม่ว่าจะมีตังค์ซื้อ  หรือ  ไม่มี  ก็ไป ครับ  ...  ระยะหลังๆ  เวลาที่ พี่ๆ เพื่อนๆ มองหาที่แปลงสวยๆ ในเชียงใหม่  ก็มักจะมาถามผม อยู่เรื่อยเลยเลยครับ ...
                                 ขอโทษครับ.... ยังไม่เริ่ม เรื่องอาหารเลยครับ ...  เอาหละครับ   สรุปว่าวันนี้กว่าจะมาถึงร้านนี้    เราไปชิมอาหารมาตั้งแต่มื้อกลางวัน  ทั้งหมด    3 ร้านในเวลา 5 ชั่วโมงครับ   ...    บ่นกันมาตลอดทางว่า    " เราจะไม่ทานอะไรอีกแล้ว "  
แต่  พ่อซูโม่แป๊ปซี่  นี่แหละครับ  แกบอกว่า  " ร้านสุดท้ายแล้วครับ  ร้านนี้ เด็ดครับป๋า ไม่ลองไม่ได้  "   ...   ร้านนี้ เปิดมา 10 กว่าปี   ขาย อาหารไทยรสจัดจ้าน   แล้ว  ร้านก็แอบไปหลบอยู่ในซอย จนหาแทบไม่เจอ   ...  แต่  ... แต่ ...  ลูกค้าก็ยังมาอุดหนุน   " ป้าไก่ "    อยู่เนืองแน่นแทบทุกวัน ....
โอววววว  ...   โฆษณา กันขนาดนี้แล้วไม่ไปไม่ได้ แล้วครับ คุณแป๊ปซี่    .... เอ้าลุย (และแล้ว  เราก็กินต่อจนได้ครับ  เป็นร้านอาหาร ร้านที่ 4  นับจากมื้อกลางวันครับ ...  5555)
















                                ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ของ คุณ ซูโม่แป้ปซี่  ...   ผมแอบนึกในใจว่า แล้วเราจะไปทานยังไงไหว  ไปถึงต้องไม่อยากทานแน่เลย  เพราะมันอิ่มจริงๆ ในใจก็นึกว่า เวลาอิ่มแล้ว ไปชิมอะไรมันก็จะอร่อยน้อยลงแน่นอน  แล้วจะดีกับร้านที่เราไปชิมมั้ยน้อ  ...   เอาเหอะ Where   where is where where  (ไหนไหนก็ไหนไหน)   " แป้ปซี่ "   อุตส่าห์พามาเองก็ต้องไป  ....  ร้านนี้หาไม่ยาก  ถึงแม้ออกจะ ลึกลับ ซักเล็กน้อย  และ  ตอนพวกผมไปก็เกือบ สองทุ่มแล้วครับ  ....   อธิบายเส้นง่ายๆ ก็คือ  ถ้าขับรถจาก ถนนข้างกาดต้นพยอม (ซอยที่เข้าด้านหลังกองบิน 41)   เข้ามาจนถึงประตูด้านหลังกองบิน จะมีซอยอยู่ขวามือ มีป้ายร้าน   " ป้าไก่ "   อยู่ปากซอย  ...   เลี้ยวขวาเข้ามาเลยครับ  กี่เลี้ยวผมจำไม่ได้เพราะมืดแล้ว  แต่หาไม่ยากครับ  ซอยมันไม่ลึกเท่าไหร่
                                ร้านอยู่ในหมู่บ้านเก่าแก่หมู่บ้านนึง    น่าจะอายุเป็นสิบปีเห็นจะได้   อยู่หลังกองบิน 41 นี่เองครับ  เป็นทั้งร้านทั้งบ้านของป้าไก่   ...   ป้าไก่   เล่าให้ฟังว่า ร้านนี้นะ  แกทำกับข้าวไม่เป็นหรอก   แต่ลูกเขยที่เป็นคนโคราช นี่นะซิ    ทำกับข้าวแบบไทยๆได้อร่อยมากและรสแซ้บ ทุกจาน  ...  ก่อนหน้านี้ตอนเริ่มเปิดขายอาหาร  ก็ขายอยู่ที่อื่น  ขายดีซะด้วยนะ  ...  แต่ไม่เหลือเลย เพราะทั้งลูกเขย ลูกสาว ยังหนุ่มยังสาวทั้งคู่  ขายดียังไงก็ไม่มีเหลือ  เพราะเพื่อนฝูงมากันเยอะแยะ  จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง ดื่มเองบ้าง  ทำเหนื่อยแทบตาย  แต่ไม่มีอะไรเหลือเลย  ....   คุณป้าไก่   ก็เลยจับเข่าคุยกับลูกสาว ว่ามาเปิดที่บ้านเหอะ  ...   ป้าไก่จะออกจากงานมาช่วยรับแขก   ....  หลังจากลูกเขย และ ลูกสาว ตกลงตามข้อเสนอของ ป้าไก่  ...  ป้าไก่  ...  ก็เลยมี หน้าที่ใหม่  เป็น ทั้ง รีเซฟชั่น และ พีอาร์   มาจนทุกวันนี้ครับ














               
                                     วันนี้ขนาด  เราอิ่มกันพอสมควร แล้ว    พอมาถึงทั้งแป๊ปซี่และผม  ก็บอกป้าไก่ เลยว่า  " ป้าไก่จ๋า ...  สั่งอะไรเด็ดๆมาซัก 4 อย่าง "  (นี่ขนาดอิ่มแล้วนะ) ... ป้าก็เลยสั่งจานเด็ดมาให้ ก็มี

ต้มโค้ลงปลาช่อน  ..........   สีสัน และ หน้าตาของต้มโคล้ง  ช่างน่าทานซะเหลือเกินครับ  ..   พอตักชิมน้ำแกง  ต้มโคล้ง คำแรกเท่านั้นครับ  เล่นเอา  ผมต้องร้องคราง  ... โอวววว  เลยครับ   ....   รสชาติช่างกลมกล่อม   แต่ จัดจ้าน ซะเหลือเกินครับ   ..    ปลาช่อนทอด  ผิวน้ำตาล เนื้อขาวนวล  ที่ใส่มาใน ต้มโคล้ง  ช่วยเสิรมให้  ต้มโคล้ง  อร่อยมากขึ้นไปอีกครับ  .... กลิ่นพริกแห้งทอดในต้มโคล้ง  ลอยมายั่วยวนตั้งแต่ยกจานมาแล้วครับ  ....  เรา ซดน้ำแกงกันแทบไม่เหลือติดชามเลยครับ

ปูผัดผงกระหรี่   ..........    เอาอีกแล้วครับ  ร้อง  อีกแล้วครับ  ... โอวววว  ....  ผมหันไปบอก แป๊ปซี่ว่า  สงสัยคืนนี้  คงจะต้องร้อง  โอววว   กันไปทั้งคืน แน่ๆ เลยครับ  5555   ...    สีสันของเครื่องผัดผงกระหรี่  เหลืองออ่น หอมผงกระหรี่  ช่างน่าทานซะเหลือเกินครับ  ...  เนื้อปูทะเล สดๆ  ผัดกับ ผงกระหรี่ทีผัดใส่นมข้นจืด    รสชาติอร่อยกลมกล่อม  ออก  มันนำหน้ามาเล็กน้อย  ด้วยความมันของนมข้นจืด  รสชาติกลมกล่อม  อร่อย  เข้มข้นเร้าใจดีครับ   ...   อร่อยเข้มข้น  แบบต้องอธิบายเป็น ภาษาอังกฤษ ว่า   ช่าง  Rich   ซะเหลือเกิน ครับ

ยำเห็ดเข็มทอง   ..........   ฝังชื่อรายการอาหารตอนแรก ก็รู้สึกธรรมดา ๆ  เหมือนเมนูตามร้านอาหารอื่นๆ ทั่วไป  ...   แต่พอตักชิมเท่านั้น  ก็เริ่มรู้สึกได้ถึง ความไม่ธรรมดา ครับ  ....  หมูสับ ปั้นเป็นก้อนๆ ขนาดพอดีคำ  แล้วลวกจนสุกกำลังดี   คลุกมา กับ ยำเห็ดเข็มทอง ที่รสจัดจ้าน  ...  เนื้อหมูนุ่มๆ ช่วยลดความจัดจ้าน ทำให้ กลมกล่อมขึ้นเยอะครับ  ....   อร่อยดีครับ 

ส่วนอีกจานนึง  เป็น  หมูแดดเดียว  ...  อร่อยดีครับ

หลังจากได้ชิมแล้ว   ผมมั่นใจรสมือ     " ลูกเขย ป้าไก่ "    ว่าแกน่าจะทำอาหาร  ได้อร่อยทุกจาน เลยครับ  ... แต่ น่าเสียดายที่  ผม 2 คน   ไปตลุยชิม กันมาทั้งวัน    เลยทานได้แค่ 4 จาน  ....  อร่อยทุกจานครับ
                     
อร่อยอย่างเดียวไม่เท่าไหร่   ....  ราคาซิครับ  .
ตอนมาเก็บตังค์  พวกเราถึงกับ ร้องลั่นเลยครับ    " ป้าไก่   คิดผิดรึป่าว "    ผมหันไปถามป้าไก่
ก็อาหาร 4 อย่าง  รวมเครื่องดื่มด้วย (แป๊ปซี่  แอบสั่ง แสงโสม 1 แบน  มาแกล้มกับ ความจัดจ้านของอาหารร้านนี้   ผมเลย จำเป็นต้องดื่มเป็นเพื่อน ครับ  ...  55555)    ทั้งหมด  520 บาท ตอนแรก ป้าไก่  แกอยากขอเลี้ยงผม  เพราะแป้ปซี่ บอกป้าว่า   " ป๋าปึกส์ "   เค้าเขียนแนะนำอาหาร คนอ่านเยอะ   ผมรีบบอกคุณป้าทันทีครับ ว่า   " ร้านไหนที่ไปชิม  หากเจ้าของมาเลี้ยงผมไม่ว่าเท่าไหร่  ผมจะไม่มีทางเขียนให้โดยเด็ดขาดเลยครับ "      ต้องอร่อยถูกใจเท่านั้นครับถึงจะเขียน ....  ขอบคุณป้าไก่ ที่หวังดีนะครับ 
แต่ถ้า   ซูโม่แป้ปซี่ เลี้ยงเมื่อไหร่   ผมจะสั่ง มาทาน เป็น  สองเท่าเลยครับ   5555
อย่าลืมลองแวะไปชิมนะครับ  ไปไม่ถูก โทรไปที่   053-277-274     ร้านเก่าแก่ คลาสสิค เหล่านี้ ช่วยกันอนุรักษ์ กันหน่อยนะครับ ....   สลัดทิ้ง Junk Food ออกไปเถอะครับ




แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมดที่ผมเขียนแนะนำไว้ใน   " แนะนำ ร้านอาหารอร่อยโดย ปาปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM 





ป๋าปึกส์
22/01/2554


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html



ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun


ลาบศรทอง ร้าน ลาบ เจ้าเก่าแก่ ที่ เชียงใหม่


" ลาบศรทอง "    ลาบดีขม .. ลาบคั่ว เจ้าเก่า  ...  เปิดขายมากว่า  40  ปี   ที่  เชียงใหม่



วันก่อน ผมเจอกันกับ  " ซู่โม่แป้ปซี่ "  ผมบอก แป้ปซี่ ว่า  ผมเขียนแนะนำร้านอาหารอร่อยในเชียงใหม่  มานานพอสมควร แล้ว ...   แต่ เดือนนี้   จะพยายามหาร้านอาหารเก่าๆ ที่เปิดมานาน  อย่างน้อยก็เป็น สิบๆปี ขึ้นไป  ...  เพื่อที่จะ ชักชวนให้นักท่องเที่ยว และ คนที่จะเดินทางมาเที่ยวที่เชียงใหม่ รวมไปถึง คนรุ่นปัจจุบัน  จะได้มีตัวเลือก   และ ลิ้มรส ร้านอาหารดั้งเดิมของเชียงใหม่  กันบ้าง
สาเหตุ ที่เลือกบอก  แป้ปซี่   ก็เพราะ เค้าเป็นคน  ที่อยู่ในเชียงใหม่ตั้งแต่เด็กๆ
เรียนหนังสือ และ ใช้ชีวิตที่นี่มานาน ...  แถมยัง ชอบหาอะไรทาน  ทั้งแบบดั้งเดิม และ แบบที่ผมไม่เคยไปมาก่อน   ก็เลย ต้องมาขอคำแนะนำ จาก แป้ปซี่   เพื่อให้แนะนำ  ร้านเก่าแก่  และ คลาสสิคๆ  ในเมืองเชียงใหม่
วันนี้ ก็เลยไป  ตลุยชิม  กันหลายแห่งเลยละครับ   เรียกว่า   ทานมื้อเย็นกัน สองสามแห่งเลยครับ จนมาถึงร้านสุดท้าย แทบจะต้อง ปลดตะขอ  กันเลยครับ
















สำหรับร้านที่  เอามาแนะนำในวันนี้  เป็น ร้าน ลาบคั่ว แบบ เมืองๆ  ที่เปิดมา นมนาน
ชื่อ  ร้าน  " ลาบศรทอง "   
ร้านนี้เปิดขาย   มากว่า 40  ปีแล้วครับ  
ร้านนี้หาไม่ยากครับ  อยุ่ติดกับสะพานข้ามแม่น้ำปิง ฝั่งวัดเกตุ   อยู่ตรงตีนสะพาน รัตนโกสินท์ เลยครับ
บอกชื่อ สพาน อาจจะ งง นะครับ .. เอาเป็นว่า สพานที่ข้ามจาก ฝั่งเมืองเก่า  มายังด้านหลัง  โรงเรียน ปริ๊นซ์รอแยล นั่นเองครับ
พอลงสพาน ก็ ชิดซ้ายเลยครับ   มีที่จอดรถ  อยู่หน้าร้านครับ  ....  แต่เวลา จะเลี้ยวเข้ามาที่หน้าร้าน  ค่อนข้างจอดรถ ลำบากซักนิดนึงนะครับ
เนื่องจาก  ร้านนี้ อยู่ตรงคอสะพาน  และ  ห่างไฟแดงเพียง แค่ 10 กว่าเมตรเองครับ  ...  แต่ต่อให้จอดรถ ยากยังไงก้ตาม  สำหรับผมแล้ว  ถ้าอร่อยละก้อ  อะไรก็ไม่เป็นอุปสรรค์  ครับ  
ร้านนี้ เค้าเปิดมาได้กว่า  40  ปีแล้วครับ   คงไม่ต้องอธิบายถึง สรรพคุณ  อะไรมาก ว่า จะอร่อยขั้นเทพระดับไหน













ร้าน  " ลาบศรทอง "   เปิดบริการ ตั้งแต่   11.30 น.   ถึง   22.00 น.
หยุดทุกวันพระครับ
   
ถ้าจะโทรสอบถามเส้นทาง  หรือ สั่งอาหารกลับบ้าน  แล้วค่อย แวะมารับ  ก็โทรมาสั่ง ได้นะครับที่     053-260-829
                               

อาหารที่มีอยู่เมนู  มีไม่มากเท่าไหร่ครับ   แต่อร่อยทุกอย่างเลยครับ  ...  รสชาติคลาสสิคแบบเมืองๆ แท้ๆ เลยละครับ   ...  ร้านนี้เป็นร้านห้องแถวเล็กๆ สองห้อง ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ที่ตึกใหม่แห่งนี้  ...  แค่ ตึกใหม่  ที่เพิ่งย้ายมาอยู่  ก็ มีอายุเข้าไป  25 ปี แล้วครับ  ...   รายการอาหาร ที่เป็นที่นิยมของร้านนี้   ก็ดังนี้ครับ

ลาบคั่ว   .......   ตอนแรกที่ผมมาอยู่เชียงใหม่ ใหม่ๆ  ผมไม่ค่อยชอบทาน ลาบคั่ว เท่าไหร่ครับ ... เพราะไปคุ้นเคย  กับ ลาบแบบอิสาน ซะมากกว่า ครับ  ...   แต่พอได้มาชิม ลาบคั่ว แบบเมืองๆ  ที่ ร้านนี้ ...  เลยกลับทำให้ผม  เริ่มหันมาทาน ลาบคั่ว บ่อยครั้ง ขึ้นเลยครับ  ...  ลาบคั่วร้านนี้ ไม่มันเยิ้ม เหมือนที่เคยทาน  พริกและสมุนไพรคั่ว หอม และ จัดจ้าน อร่อยเลยครับ

ลาบดิบ   .......   ลาบดิบ คือ ลาบที่ไม่ได้ปรุงให้สุก  ....  อธิบายชัดเจนดีมั้ยครับ 555  ...  จานนี้  แป้ปซี่  สั่งมาให้ผมชิมครับ ... เป็น  ลาบเนื้อดิบๆ เลยครับ   (เค้ามีลาบหมูดิบด้วยนะครับ แต่ผมไม่กล้าทานครับ)   ....   ลาบเนื้อดิบ ของทางเหนือ เค้าจะใส่  " ดีขม "  ลงไปในลาบด้วยครับ  .... โอวววว ..  มันช่างอร่อยแปลกๆดีครับ  ...  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผมเลยครับ  ที่ได้  ลิ้มรส ลาบดิบ  ที่ใส่ดีขม มาด้วยครับ ... แถม พอทานเข้าไปคำสองคำ  ผมยัง สั่ง ดีขม มาเปล่าๆ  มาเพิ่มเป็นพิเศษอีกถ้วยเล็กๆ อีกถ้วยนึงเลยครับ  ก็ ผม กับ  พ่อแป้ปซี่   ชอบ ดีขม ถึงขนาดต้อง เทลงไปคลุกกับลาบ  ซะหมดถ้วยเลยครับ

อ่อม   ........   อ่อมของทางเหนือ  มีวัตถุดิบ  ที่นำมาทำ  อ่อม ให้เลือหลายอย่างเลยครับ   ทั้ง .. ไก่  .. ปลา  ...  หมู ฯลฯ  อร่อยดีครับ  

แหนมหมก  ........   ที่ร้านนี้ เค้า ทำแหนม เองครับ อร่อยเปรี้ยวกำลังดีเลยครับ  

แกงฮังเล   ........  หนึ่งในอาหารยอดฮิต ของภาคเหนือครับ   ...  รสชาติ เป็นเมืองแท้ๆ เลยครับ

คั่วโฮ๊ะ   .........   คล้ายๆกับ แกงโฮ๊ะผัดแห้ง นั่นเองครับ  ... แกงโฮ๊ะ แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ เอาทุกอย่างมารวมกันนั่นเองครับ  แต่ต้องมี แกงฮังเล เป็นหลักครับ  ....  จานนี้ ช่างทาน แกล้ม กับเครื่องดื่ม ที่มี แอลกอฮอล  ได้ดีเลยครับ
          
แต่จานสุดท้าย  ที่คุณป้า เจ้าของร้าน  ยกมาเองเลย แล้วอยากให้พวกเราชิม และ พอผมชิมแล้วถึงกับครางเบาๆ    " อืมมมม "     อร่อยจริงๆครับ

ซุปเนื้อตุ๋น  ........  เนื้อตุ๋น ที่ตุ๋นจนนุ่ม  ....  ใส่มาให้แบบ เต็มๆ  ทั้งเนื้อตุ๋น และ เอ็นตุ๋น  เกือบล้น ถ้วยใบใหญ่ๆ เลยครับ ...  กลิ่นสมุนไพร ใน น้ำซุป หอมฉุย  .... โรยหน้ามาด้วย ต้นกึ้นช่าย หั่นเป็นชิ้นขนาดกำลังดี  ...  ยกมาเสริฟ พร้อมน้ำส้มพริกตำ  ให้ปรุงได้ตามอัธยาศรัย  ... โอววววว  ..... จานนี้ต้องบอกว่า  เด็ดจริงครับ  อร่อยจนต้องหันไปยกนิ้วโป้ง ทั้งสองมือให้คุณป้าเลยครับ
           
ร้านอาหารเก่าแก่ แบบนี้  นอกจากอยากให้  คนต่างถิ่น และ  นักท่องเที่ยวไปชิมแล้ว ...  ผมยัง อยากให้ชาวเชียงใหม่  รุ่นใหม่ๆ  ลองหันกลับ  มาลิ้มลอง ร้านอาหารเก่าแก่ เหล่านี้กันบ้างนะครับ  ....  เราจะได้ช่วยกัน รักษาเอกลักษณ์  อันเป็นเสน่ห์ ของเมืองเชียงใหม่  ให้อยู่คู่กับ เชียงใหม่ ไปนานแสนนาน เลยครับ  .....  อย่ามัวแต่ไปหลง  ชื่นชมกับ  อาหาร ประเภท แฟรนไชน์ อิมพอร์ททั้งหลาย  ที่ขายแต่ อาหาร ที่อุดม ไปด้วย   ไขมัน .. นม .. เนย  ..  เลยครับ


อย่าลืมลองแวะไปชิมกันดู นะครับ     " ร้านลาบศรทอง "   โทร   053-260-829    ครับ




ป๋าปึกส์
22/1/2554


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html


ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun


วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

ก๋วยจั๊บทุ่งโฮเต็ล เชียงใหม่

   
" ก๋วยจั๊บทุ่งโฮเต็ล "      เชียงใหม่

          







    



                     กลางวันนี้ ผมมาทานที่ร้าน  " ก๋วยจั๊บ "   ร้านดังอีกร้านนึง  ที่ไม่ได้แวะเวียนมาหลายปี   ผมจำได้ว่ามาครั้งสุดท้ายก่อนที่เค้าจะย้ายมาอยู่ที่ปัจจุบัน   พอมาเห็นร้านใหม่  ถึงกับต้องร้องออกมาเบาๆว่า... " โอววววว ... แม่เจ้าโว๊ย  "   ที่ต้องร้องก็เพราะร้านเดิมที่เคยไปทานอยู่ที่ในซอยเดียวกันนี้ เลยเข้าไปอีกหน่อยนึง อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน  เดิมทีเป็นห้องแถวไม้ชั้นเดียวสองคูหาติดกัน   แต่พอมาที่ใหม่  กลายเป็นตึกแถวใหม่เอี่ยม 3 ห้อง ทะลุติดกันหมดจนถึงห้องหัวมุม   แถมยังซื้อที่ด้านหลังเพิ่ม แล้วต่อเดิมออกไปอีก  จนผมว่าน่าจะรับคนได้เกิน 100 คนแน่นอน  ยังไม่พอครับ มีที่จอดรถส่วนตัวด้านหลังตึก พร้อมห้องน้ำเยอะแยะ  เรียกว่า  รับรถทัวร์ได้หลายคัน  เลยละครับ 
                     ที่เล่ามานี่ นอกจากชื่นชมในความสำเร็จ   ผมยังแถม ลูกอิจฉา  เข้าไปด้วยอีกนิดหน่อยครับ ... 55555     แหม... ก็ขายดีจนขยายซะขนาดนี้  ไม่อร่อยจะมีคนมามากซะนาดนี้เหรอครับ












                    ร้านนี้อยู่ในซอยทุ่งโฮเต็ล  ก่อนถึงสำนักงานชลประทานจังหวัดเชียงใหม่  อยูฝั่งตรงข้ามกับชลประทาน  หาง่ายครับ   มาร้านนี้ก็ไม่ต้องอธิบายมาก ก็ชื่อร้านเค้าบอกอยู่แล้วว่า ก๋วยจั๊บน้ำข้น  มาถึงก็ไม่ต้องลังเลครับ  สั่งมาจัดการซะหนึ่งก่อน ที่นี่เป็น  ก๋วยจั๊บแบบน้ำพะโล้ (แตกต่างจากของโปรดของผมแถววรจักร ที่กรุงเทพฯ  ที่น้ำข้นเหมือนกันแต่แทบไม่เน้นเครื่องพะโล้)   อันนี้ก็แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหนนะครับ   ที่นี่เค้า เครื่องในสะอาดและสด ให้เยอะ และ อร่อยดีครับ  นอกจากนั้นก็มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำ และ อาหารอีกหลายอย่างครับ เมนูแผ่นใหญ่ติดที่ผนัง  เชิญเลือกสั่งตามสบายครับ
ก็ลองแวะมาทานดูนะครับ  มาไม่ถูกลองโทรถามทางที่    087-787-3800




ป๋าปึกส์
20/01/2554

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun



วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

Giorgio อาหารอิตาเลี่ยน เชียงใหม่

" Giorgio "   ..  ถนน ช้างคลาน ที่  เชียงใหม่





                   


ที่บ้านผม เวลาจะออกไปทานอาหารเย็นนอกบ้าน  หากถามลูกผมว่า
" เราจะไปทานอาหารอิตาเลี่ยน เอาที่ไหนดี ? "
ถามทุกครั้ง ลูกๆ ก็ตอบเหมือนกันทุกครั้งว่า     " Giorgio "  
ก็เลยต้องถามกลับว่า   " ทำไมละลูก "
ทั้งคู่ก็มักจะบอกว่า  " ถ้าไปร้านอื่น ทานที่บ้านดีกว่า  เพราะพ่อทำอร่อยกว่า ทุกร้าน  "  5555 
(ไม่ได้โม้นะครับ) 
                  
ร้านนี้เปิดมาหลายปีแล้วครับ  จำได้ว่า ตอนผมมาอยู่ที่เชียงใหม่  ช่วงแรกๆ เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว  ก็มีร้านนี้อยู่แล้ว   ...  เลยมาทานอาหารร้านนี้ บ่อยๆ จนครอบครัวเรา กลายเป็นลูกค้าเป็นประจำ ของร้านนี้ไปเลยครับ ...  มีเพื่อนๆ น้องๆ หลายคน ที่เคยอ่านที่ผมเขียนแนะนำอาหารมาเกือบร้อยแห่งในเมืองเชียงใหม่  มักจะถามว่า   " ทำไมไม่แนะนำร้านนี้  ซักที "
ผมก็ตอบเหมือนกันทุกที ว่า   " เค้าขายดีจนไม่มีที่นั่งอยู่แล้ว คงไม่ต้องแนะนำหรอก "  
แม้กระทั่ง ฝรั่งมังค่า และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ ยังต้องบรรจุร้านนี้อยู่ในแผนการท่องเที่ยวของเค้าเลยครับ
                  
แต่มานั่งคิดดูว่า  ถ้าหากผมเอาความคิดแบบนี้มาเป็น บรรทัดฐาน ในการเลือกเขียนแนะนำร้านอาหาร ก็คงไม่ยุติธรรม  ต่อหลายๆ  ร้านที่อร่อย และ ขายดี อยู่แล้ว
ซึ่งทางที่ถูก ผมควรจะแนะนำทุกร้าน ที่ผมคิดว่าอร่อยดีกว่า ...  ก็เลยต้องเอาเรื่องราวความอร่อย ของร้านนี้มาให้ ผู้อ่านได้ไปลองชิม ดีกว่าครับ






ร้านนี้หาง่ายมากครับ ขับรถผ่านไนท์บาร์ซาร์  มาจนถึงไฟแดงอันแรก (ตรง ห้างพันธ์ทิพย์) 
ก็ตรงมานิดเดียวแล้วชิดขวา  จะมองเห็นเป็นถนนเล็ก ทแยงเฉียงอยู่ทางขวามือ  มองไปก็จะเห็นร้านนี้เลยครับ  เลี้ยวเข้าไปก็หาที่จอด กลางคืนที่จอดก็หาไม่ยากครับ
แต่  สำหรับ  ใครที่จะมาทาน ขอแนะนำว่าต้องจองโต๊ะ นะครับ   เพราะเค้าค่อนข้างจะเต็มเกือบทุกวันครับ
                    
เจ้าของร้าน ร้านนี้เป็นคนอิตาเลี่ยน  ...  เค้าเข้าครัวดูแล และ ชิมอาหารของเค้าทุกจาน เพื่อรักษาคุณภาพ และ รสชาติ ให้เป็น อิตาเลี่ยนแท้ๆ
ผมก็โชคดีทุกครั้งที่ไปร้านนี้  ไปทีไรเจอ แกอยู่ที่ร้านทุกที   แกจะมาปรุงอาหารให้หลายจานก่อนเสริฟ  หรือไม่ก็เข้าไปควบคุมลูกน้องในครัวเอง   ซึ่งคุณก็จะได้ทานอะไรที่มันอร่อยพอดี 
การทำอาหารอิตาเลี่ยน  เรื่องขั้นตอน เวลา ความร้อน และ ความสดของวัตถุดิบ เป็นหัวใจสำคัญ เหมือนกับการทำอาหาร เกือบทุกชนิด  
แต่ที่สำคัญที่สุดอย่างนึง ที่ร้านนี้พิถีพิถัน คือ อาหารประเภท พาสต้า โดยเฉพาะสปาเก็ตตี้
สปาเก็ตตี้ ที่นี่เค้าลวกเส้นได้ดีมาก สุกกำลังดีครับ  แบบที่ฝรั่งเรียกว่า al dente  
ความสุกของเส้น เป็นหัวใจสำคัญของอาหารอิตาเลี่ยน เลยทีเดียวครับ 
ถ้ามาเชียงใหม่ แล้วอยากจะทานสปาเก็ตตี้ ที่ลวกเส้นได้พอดี  คงต้องบอกว่า  " ร้านนี้แหละครับ " 













จานโปรดของผมที่ร้านนี้ ซึ่งไปทุกทีสั่งทุกที  ที่ไม่เคยพลาดก็มี  

สปาเก็ตตี้หอยลาย  
เส้นสปาเก็ตตี้  ลวกมาแบบ  al dente    
คลุกเคล้ามาด้วย  ...  หอยลาย import  ผัดมากับ ซ้อสไวน์ขาว  รสกลมกล่อม
โรยหน้ามาด้วย พามาซานชีส
สชาติไม่ต่างกับ ไปนั่งทานในร้านริมทะเล แถวเมือง ซอเรนโต้ เลยครับ

-----

สปาเก็ตตี้โพโมโดโร่
สปาเก็ตตี้ ราดซ้อส มะเขือเทศสดๆ  
จานนี้   ดูชื่อแล้ว  เหมือนจะทำง่ายนะครับ   ก็แค่ มะเขือเทศสด
แต่ต้องบอกเลยครับ  อาหารง่ายๆจานนี้  ทำให้อร่อยได้ยากมากครับ  
แต่ถ้าชอบ เมนูนี้  ...  มาร้านนี้ ห้ามพลาดเลยครับ

-----

เห็ดผัดกระเทียม 
เห็ด แชมปริยอง  ผัดมากับ กระเทียมบดละเอียด เกลือ พริกไท
จานนี้ เหมาะสำหรับ สั่งมาทานเล่นก่อนอาหารจานหลัก ครับ
รสชาติ  กลมกล่อม   จน ผมต้องสั่งเบิ้ลเกือบทุกเที่ยวเลยครับ

-----

ผักขมผัดกระเทียม ผักขมสดๆ จากยอดดอย เอามาลวกจนสุกพอประมาณ แล้วทิ้งให้สะเด็ดน้ำ
เอามาผัดกับ กระเทียม เกลือ พริกไท  ...   อร่อย และ  วิตามินเต็มปรี่ เลยครับ

-----

Osso Bucco
ขา หรือ แข้ง วัวตุ๋น  เอามาตุ๋นด้วยเครื่องเทศแบบอิตาเลี่ยน นานนับชั่วโมง
เนื้อนุ่ม กลิ่นเครื่องเทศ หอมฉุย  ...  ที่พลาดไม่ได้ ก็คือ   เอ็นที่อยู่กลางกระดูก  ที่ถูกตุ๋น กับเครื่องเทศ และ เครื่องปรุง นานนับหลายๆชั่วโมง   ..  รสชาติเข้าเนื้อเอ็น อร่อยแบบ ไร้เทียมทาน เลยครับ

-----

ปลาเทร้าส์ ย่าง
ปลาเรนโบว์เทร้า  ขนาดยาเกือบฟุต  ส่งตรงจากโครงการหลวง
ย่างและอบ มาแบบ สุกกำลังดีครับ  เสิร์ฟมาพร้อมมันฝรั่งอบ ชิ้นพอดีคำ
บีบ เลม่อน ลงบนปลานิดนึง   ... อร่อยแบบแมวร้องไห้ เลยครับ

-----

T-Bone สเต็ก
 
ทีโบน  สเต็กยอดนิยม ทางตอนกลาง และ ตอนเหนือ ของประเทศอิตาลี
รสชาติ และ คุณภาพเนื้อ  นุ่ม และ อร่อย  เลยครับ
ไซด์ใหญ่  แบบ สไตลส์อิตาเลี่ยนแท้ๆ  ....   ใหญ่ขนาด ผม คนเดียวเอาไม่อยู่เลยครับ
คนตัวเล็กๆ  กระเพราะเล็กๆ ...   ขอ แนะนำว่า สั่งมา แชร์ กันเลยนะครับ ...  ชิ้นใหญ่มากครับ

-----

ของหวานก็    ทีรามิซสุ  อร่อยเต็มอิ่มแน่นอนครับ .
ที่สำคัญที่สุด  ที่ทำให้ร้านนี้มีลูกค้าเนืองแน่นตลอดทุกวัน  คงไม่พ้น เรื่อง ราคา  ครับ
อร่อย  และ  ไม่แพง ครับ    .... แนะนำว่า ต้องไปลองเลยครับ

-------------
โทรไปจองที่นั่งได้ที่    053-818-236
หรือลองคลิ๊กเข้าไปดูใน Website : http://giorgiochiangmai.com/giorgio.php




ป๋าปึกส์
19/1/2554


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun