Translate

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

The Pub (Bar & Restaurant) ... เชียงใหม่


" The Pub "  ... Bar & Restaurant ... Fish and Chip แบบอังกฤษ แท้ๆ  ที่ เชียงใหม่


                      ถ้าเรามองย้อนดูถึงการประกอบธุรกิจ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย  โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร และ ธุรกิจบาร์ ในอดีตถึงปัจจุบัน .... มีร้านอาหารหลายร้านทีเดียวที่สามารถเปิดบริการ จนกลายเป็นตำนาน บางร้านเปิดมากว่า  40 - 50  ปี .... แต่ถ้ามองไปในมุมของ ธุรกิจ  Pub และ  Bar  ซึ่งในบ้านเรา มักจะเป็นไปตามกระแส ความนิยมของตลาด ที่ ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว  จนผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ แทบจะปรับตัวแทบไม่ทัน  เพราะทันทีที่ ที่ไหน ได้รับความนิยม ก็จะมี นักลงทุน เปิดกิจการคล้ายกัน ใกล้กัน แต่ถูกกว่าและดีกว่า ขึ้นมาแข่งขันแบบ ทันทีทันควัน  ทำให้ธุรกิจประเภทนี้ หาใครที่อยู่ยั่งยืนไม่ค่อยได้
                      วันนี้ก็เลย  ขอแนะนำ  Pub  ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งนึง ของเมืองเชียงใหม่ ครับ .... ที่บอกว่าเก่าแก่ก็เพราะ ที่นี่เปิดมาตั้งแต่  ปี ค.ศ. 1969  จนถึงวันนี้ก็ เกือบ 42 ปีครับ  จะมีซักกี่ Pub ในบ้านเราครับ ที่อยู่ยงคงกระพันธุ์ มาขนาดนี้ .... ต้องมีอะไรดี แน่นอนครับ



 



                      ผมเองเคยมาที่ The Pub ครั้งสุดท้ายก็เกือบ 8 ปีที่แล้ว  ครั้งนั้นไปกับเพื่อนชาวต่างชาติ   เพื่อนๆก็มักจะชวนไปต่อหลังทานอาหารเย็นกันที่  The Pub  นีแหละครับ    แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้เขียนเรื่อง แนะนำร้านอาหาร และ ด้วยการที่ไปต่อตอนดึกทุกครั้ง ก็เลยไม่เคยได้ชิมอาหารที่นี่ มาก่อนเลย ... ส่วนมากดื่มอย่างเดียวครับ
                      จนมาเมื่อวานนี้ ได้เข้าไปเขียนใน Facebook  หน้าแนะนำร้านอาหาร ว่า ไปทานอาหารเย็นมาแถวๆ เส้นดอยเสก็ด แล้วร้านอาหารเค้าไม่ขาย แอลกอฮอล  แต่ให้แขกซื้อมาได้ และเก็บค่าเปิด เหล้า , ไวน์ และ เบียร์ แถมยังมีแก้ว เบียร์ครบทุกยี่ห้อ ก็เลยไม่เข้าใจว่าร้านนั้นเค้า พยายามทำอะไร ... พอ Post ไปซักพักเดียว ก็มีคนตอบกลับมา ว่า  มาร้านหนูซิคะ มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย  ไม่ต้องมาเสียจุกเสียจิก .. ผมก็ถามกลับไปว่า  ร้านไหน ?  ... ก็ได้รับคำตอบว่า   The Pub  .... ผมก็ช่างไวไฟเสียเหลือเกิน  เค้าตอบมาก็ชวน น้องๆที่ทำงานตรงไปทันทีครับ



 



                             พอไปถึงที่ร้าน  The Pub  ..  ตอนขับรถเข้ามาในร้าน ตอนแรกก็ งงๆ นิดหน่อยครับ เพราะมาทีไรก็มาตอนมืด วันนี้มาตอนกลางวัน เพิ่งเห็นว่าที่นี่ ช่างร่มรื่นดีซะเหลือเกินครับ ต้นไม้ใหญ่ๆเต็มบริเวณไปหมด  มองเข้าไปในสุดเห็นบ้านไม้ทรงเก่าแก่ ตั้งอยู่ตรงกลางที่ดิน มีรถจอดเยอะแยะไปหมด แถมมีฝรั่งหลายสิบคนอยู่ในร้าน ผมไปถึงประมาณเที่ยง  ยังนึกในใจว่า  เค้าขายดีนะ กลางวันยังมีคนขนาดนี้เลย  มาทราบทีหลังจาก คุณ Barbara Quinn  ลูกสาว ซึ่งเป็นผู้จัดการร้าน เล่าให้ฟังว่า ที่นี่เป็นที่ชุมนุม ของนักบริดจ์ (ไพ่ที่เป็นกีฬาระดับโลกที่ คุณพ่อผมก็ชอบเล่น)  นอกจากนั้นก็ได้เล่าว่า ที่นี่เปิดมาจะครบ 42 ปีในปีนี้ เตรียมจัดงานครบรอบอยู่ครับ  ที่นี่อยู่มานานจนเปลี่ยนเจ้าของมาหลาย generation  แล้วครับ ... สมัยแรกๆ เป็นที่ชุมนุมของ พวกฝรั่งที่เข้ามาทำธุรกิจใบยา ในภาคเหนือซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ  พอผ่านมาก็มีผู้คนมากมายหลายอาชีพ มาแวะเวียนกันเป็นประจำ
                            จนเดี๋ยวนี้กลายเป็นที่ ชุมนุม ของทั้งแฟนรักบี้ฟุตบอล และ แฟนฟุตบอลชาวต่างชาติ ที่นิยมมาร่วมเชียร์กีฬา พร้อมจัดกิจกรรมกันอยู่ เป็นประจำครับ  แต่แอบทราบว่า ครอบครัวเจ้าของร้าน มาจากเมือง NewCastle  ก็เลยเป็น  Fanclub ของ Newcastle  และ  Sunderland  คู่แข่งที่เป็นเพื่อนบ้านกัน


 










                           เขียนมาตั้งนานยังไม่ได้เล่าเรื่องอาหารเลยครับ ... ผมให้คุณ Barbara แนะนำอาหารให้โดยบอกว่า ผมชอบทานอาหารอังกฤษ เพราะเคยแอบไปอยู่มาเหมือนกัน  ว่าแล้วก็จัดมาเป็นชุดครับ  Fish and Chip (ปลา Cod)  ที่มาพร้อม Mushy Peas (อร่อยมาก) , Bangers 'n'  Mash (ไส้กรอกแบบอังกฤษ กับ มันฝรั่งบด ที่ทานแล้ว ต้องร้อง  " โอวววววว พระเจ้า " )  ,  สตูว์เนื้อวัว แบบอังกฤษ  (อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยทานสตูว์มาในประเทศไทย)  ,  ส่วนจานสุดท้าย  จำชื่อไม่ได้ครับ เป็น อกไก่อบกับซ้อสเห็ด (ก็อร่อยอีกครับ)  เอาเป็นว่า อาหารอร่อยทุกจานครับ  ระหว่างอาหาร ก็ฟาดเบียร์กันไปคนละแก้วสองแก้ว  ไปกับหน้าเดิมครับ ก็เจ้าโอ๋ กับ เจ้า Wing  นั่นแหละครับ ... มี น้องป๊อป ตามไปชิมด้วยอีกคนครับ  ขอบอกว่า  อาหารและเครื่องดื่ม คุ้มราคาจริงๆครับ
                          ร้านนี้เปิดมาจะครบ  42 ปีในปีนี้ เจ้าของเค้าต้องการอนุรักษ์ ให้เป็น บรรยากาศเหมือนที่เคยเป็นใน ปี 1969  ก็อาจจะดูเก่าแก่ไปนิดนึง แต่ภายในรวมทั้งห้องน้ำก็ สอาดสอ้านดีครับ  และมีห้องที่มีแอร์ไว้ให้ทานอาหาร ที่ แยกออกมาจาก เค้าน์เตอร์บาร์  พาเด็กๆ และ ครอบครัวไปชิมนะครับ  รับรองว่าอร่อยจริงครับ   อยากดูรายละเอียดมากกว่านี้  กรุณาคลิ๊ก เข้าไปดู ในเวปไซด์ ด้านล่างนะครับ

                                            http://www.thepubchiangmai.com/    

                            ร้านนี้หาง่ายมากครับ พอถึงแยกโรงแรมรินคำ ก็มุ่งหน้าไปทางดอยสุเทพ ร้านนี้เลยสี่แยกมาไม่เกิน 200 เมตรครับ  ติดกับ  Think Park  ครับ ... หรือโทรไปถามรายละเอียดได้ที่  053 211 550 หรือ  081 168 6803  ครับ  อย่าลืมแวะไปลองชิมนะครับ

ป๋าปึกส์


วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ครัวบ้านพิมสาร อาหารไทยอร่อยๆ ... เชียงใหม่


" ครัวบ้านพิมสาร " ... อาหารไทยง่ายๆ แต่ อร่อย  ตรงข้าม การไฟฟ้าบ้านเด่น เชียงใหม่




                 



                             มื้อกลางวันวันนี้  ได้รับคำแนะนำ จากผู้อ่าน คอลัมน์  " แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์.."  .. โดยต้องขอขอบคุณ คุณ Waravut  Pujjanasanee   กรุณาส่ง Message  แนะนำร้านอาหาร ที่อยากให้ผมลองไปชิมดู ...  ก็สนองตอบทันควันครับ  ... ที่ผ่านมา มีหลายร้านที่มีคนแนะนำมา แล้วผมไปชิม .....  บางร้านผมก็เขียนแนะนำ  บางร้านก็ไม่ได้เขียน  ...  ก็เพราะอย่างที่ผมเรียนไว้ในคำนำ ทุกบทความที่เขียนว่า    

" ทุกร้านที่ผมเขียน มันเป็นความชอบส่วนตัว ซึ่งบางที่ ท่านอาจจะชอบ แล้วผมไม่ชอบ  หรือ ผมชอบ แล้วท่านผู้อ่านจะไม่ชอบ ก็สุดแล้วแต่ใครชอบยังงัย ... เพราะร้านที่ผมเขียนแนะนำทุกร้าน เป็นการไปทาน ด้วยการชำระเงินของผมเอง  ไม่มีใครต้องมาจ้างผมให้มาเขียน ...  ถ้าอร่อย ถ้าชอบ ก็ต้องเอามาแนะนำกัน นะครับ "    .... เช่น ร้านนี้  ชอบครับ

                              ร้านนี้ หาง่ายมากครับ อยู่ตรงข้าม การไฟฟ้าบ้านเด่น  สำหรับคนต่างถิ่น ก็หาไม่ยากครับ อยู่บนถนนต้นยางครับ .. ถ้ามาจากย่านริมน้ำปิง ย่านสะพานเนารัตน์ ขับรถเลียบน้ำปิง ผ่านค่ายกาวิละ ตรงมา จนผ่าน สนามกลอฟ ยิมคาน่า  มานิดเดียว จะเห็นการไฟฟ้าบ้านเด่นอยู่ขวามือ เห็นปั้ปชิดซ้ายเลยครับ  ร้านนี้อยู่ซ้ายมือครับ













ร้านอาหาร   " ครัวบ้านพิมสาร "   เป็นร้านอาหารง่ายๆ มีทั้งทานแบบจานเดียว และ ตามสั่ง เปิดบริการ  จันทร์ ถึง เสาร์ ... ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า  ถึง บ่าย  4  โมงเย็นครับ ... เป็นร้านอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก็เลยโปร่งโล่ง ลมเย็นสบายดีครับ  ร้านรวงก็สอาดสอ้านดีครับ  ....
                               วันนี้ผมมากับ สมาชิกนักชิม 2 คนเดิมอีกครับ ไม่ใช่ใครอื่นครับ  ก็ พ่อโอ๋ สถาปนิกนักชิมคนเดิม กับ เจ้า Wing Wing  จอมเจ้าชู้ (ผมเปลี่ยนชื่อให้ใหม่แล้วครับ เพราะชอบไปทำตาหวานกับสาวๆ อยู่เรื่อยครับ)    มาถึงร้านก็ยังไม่เที่ยงเลยครับ ... เลยได้มีโอกาสคุยกับ พี่ตุ้ม (ผู้จัดการร้าน)  สาวใหญ่อัธยาศรัยดี   พี่ตุ้มก็แนะนำอาหารให้เราทราบทันทีครับ   มีอาหารน่าทานเยอะแยะไปหมดครับ  .... ว่าแล้วพวกเราก็สั่งตามที่พี่เค้าแนะนำเลยครับ
















ก๋วยเตี๋ยวเมี่ยง   ..........    เห็นรูปร่างหน้าตาแล้ว  แลดูคล้ายๆ  ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ที่ผมเคยทาน แถวๆ ทุงโฮเต็ล ซึ่งตอนนีไปอีกที หาไม่เจอซะแล้วครับ   ...  ที่ร้านนี้ เค้าใช้  แป้ง คล้ายๆกับ แป้งก๋วยเตี๋ยวหลอด  ใส่ไส้ผัก และ เต้าหู้   และ  อีกหลายเครื่องปรุง   ห่อมาด้วยแป้งนุ่มๆ    เสิร์ฟมาพร้อมกันกับ น้ำจิ้ม 3 รส ...  ตัวก๋วยเตี๋ยวเมี่ยงออร่อยดีครับ  แป้งนุ่ม ไส้เข้ากันดีครับ  เสิร์ฟมาพร้อม  น้ำจิ้มสามรส  รสกลมกล่อม  ออก รสหวานนำหน้าเล็กน้อย

ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือไข่เจียว   ..........   จานนี้ อร่อยถูกใจ จริงๆครับ    รสชาดิน้ำพริกที่ผัดกับข้าว กลมกล่อมดีครับ    ...   ข้าวผัด  ก็ผัดได้แห้งดี  มีกลิ่นเกรียมๆ ของกะทะติดมา  ตามแบบ นักผัดข้าวมือโปร เลยครับ  ....   เหยาะน้ำปลาพริก ลงบนไข่เจียว  ซักนิด   ...  โอวววว  อร่อยจนหมดภายในพริบตาเลยครับ    ...   จานนี้ เค้าเสิร์ฟมาพร้อม น้ำซุป ให้ซดแกล้ม กับ  อาหารประเภทข้าวทุกจานเลยครับ

(ไปร้านไหนที่เค้า แถมซุปให้ฟรีๆแล้ว  ..  ผมจะนึกถึง ร้าน  ร้านข้าวมันไก่  ชื่อดัง ที่ ประเทศสิงค์โปร์   ที่ ชื่อนำหน้าว่า   " บุน ทง  .. "    ทุกครั้ง  ...  คงเป็นเพราะเจ็บใจ  ไอ้เจ้า ร้านข้าวมันไก่ชื่อดัง ที่สิงค์โปร์  .. ที่ขาย น้ำซุป เปล่าๆ โดยไม่ใส่ แม้กระทั่ง ต้นหอมซอย และ ไม่มีพริกไท ให้เหยาะ  ในราคา  2.40 เหรียญสิงคฺโปร์ )


ข้าวคลุกกะปิ   ..........   จานนี้ผมไม่ได้สั่งครับ  เจ้าโอ๋ เป็นคนสั่ง แต่ผมแอบ ขอชิมก่อนคนสั่ง ซะด้วยซ้ำเลยครับ   ...   จัดแจง คลุกเคล้า  เครื่องเคียง ที่ให้มาทั้ง หอมแดง , มะม่วงเปรี้ยวที่ซอยมาเส้นกำลังดี  , พริกขี้หนู  ,  กุ้งแห้ง  เข้าด้วยกัน  แล้ว  บีบมะนาว ที่ให้มาบนจานจนหมด  แล้วตัก ข้าวคลุกกะปิ  พร้อมหมูหวาน  เข้าปาก   ...... โอวววว  ...   หอมกลิ่นกะปิ อบอวลในปากอยู่นานเลยครับ  ข้าวคลุกผัดมาได้ สุกและเป็นเม็ดดีครับ   รสชาติกลมกล่อม  อร่อยดีจริงๆ ครับ  ...

ข้าวซอยไก่   ..........   พอวางบนโต๊ะ  ก็ โดดเด่น เลยครับ  ...  สีสันสวยงามมากครับ  แถมราดด้วยน้ำกะทิขาวข้น บนหน้าข้าวซอยมาด้วย   ..  ช่างน่าทานซะเหลือเกินครับ  ...  น้ำแกงในข้าวซอยร้านนี้  รสชาติกลมกล่อมลงตัวดีครับ เมื่อเอา ผักกาดดอง และ พริกเจียว  และ บีบมะนาวแล้ว  ...  มันช่างอร่อยจริงๆ ครับ  ...   แถมน้ำแกง ยังเสิร์ฟมา ในความร้อนที่พอดี  ...  ไม่เย็นชืด   เหมือน ข้าวซอย ดังๆ ในเมืองนี้ หลายๆ เจ้า เลยหละครับ


อธิบายอาหารไปหมดแล้ว เกือบลืมเล่าไปว่า ร้านนี้มีน้ำผลไม้ และ สมุนไพร หรือ ดอกไม้ แปลกๆ ให้เลือกดื่มเยอะทีเดียวครับ  โดยเฉพาะ      " น้ำอัญชันมะนาว "        อร่อยกว่าน้ำอัญชัน ที่เคยดื่มทั่วไปครับ  รสชาติจัดจ้านเมื่อบีบมะนาวเข้าไปครับ   อธิบายก็คงไม่สามารถบรรยายสรรพคุณ และ รสชาติได้เท่าไปลองชิมดูเองนะครับ















ยังมีอาหาร อีกหลากหลายรายการ ที่ผมไม่ได้สั่งมาทานในวันนี้  ...  แต่เท่าที่ทาน ก็สัมผัสได้ถึง รสมือของแม่ครัวว่า  ทุกอย่างน่าจะอร่อยเหมือนหลายๆ จานที่ได้ชิมในวันนี้ครับ   ...  ร้านนี้หากไปช่วงเที่ยง  จะหาที่นั่งยากซักนิดนะครับ ... อร่อยและราคาย่อมเยาว์ ขนาดนี้   คนค่อนข้างเยอะแน่นอนครับ  ควรมาก่อนเที่ยง หรือ สายๆซักนิดนะครับ ... ถึงแม้คนแน่ อาหารร้านนี้ก็ไม่ช้าเลยแม้แต่น้อยครับ ... อย่าลืมนะครับ ลองแวะไปชิมอาหารอร่อยๆ  ราคาย่อมเยาว์ กันนะครับ
โทร    084-171-7993




แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมดที่ผมเขียนแนะนำไว้ใน     " แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM





ป๋าปึกส์
22/08/2554
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun  



วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Upper Crust Cafe' หน้าสถานีรถไฟ ... เชียงใหม่


" Upper Crust Cafe' "   เค้ก สุดสุด ที่ หน้าสถานีรถไฟ  เชียงใหม่



                           " พี่ปึกส์ กลางวันทำอะไรจ้ะ  ทานข้าวรึยัง  ... ไปทานด้วยกันมั้ย  จะพาไปลองชิม  เค้ก กับ อาหารฝรั่งอร่อยๆ มื้อกลางวัน ไปมั้ยคะ "  ...  เสียง คุณ Nam Barclays (น้องสาวผม  ที่เป็นคุณนายเจ้าของ โรงแรมดังหลายแห่ง ในเมืองจีนครับ)   โทรมา เชื้อชวน ยวนยั่วน้ำย่อย  ตั้งแต่ 11 โมง
" Yes , Sir "    ... ผมตอบรับทันควัน   ...  ว่าแล้วซักพักเดียว คุณน้ำ ก็บึ่งรถมารับถึงที่ทำงานเลยครับ  วันนี้เป็นลาภปาก   ของผมซะแล้วครับ
                           ระหว่างทาง คุณนายน้ำ ก็เล่าความเป็นมาว่า    ร้านนี้เค้าเปิดมา 10 กว่าปีแล้ว เดิมทีอยู่แถว Night Bazarr     ...   ตอนหลังแถวๆนั้น เค้าขึ้นราคาค่าเช่า อยู่เป็นประจำ   ก็เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่หน้า สถานีรถไฟเชียงใหม่  เมื่อ 3 ปีกว่าที่แล้ว  ....
                           หาง่ายมากเลยครับ  ตรงข้ามประตูทางเข้าสถานี(ประตูหลัก)    มีร้าน Seven Eleven  ตั้งตระหง่านอยู่   ถัดจาก Seven  ไปทางซ้ายมือไม่กี่ห้อง   ก็จะเห็นร้านนี้ มีห้องแถวเดียว  มีสีสันงดงามต่างกับร้านอื่น  มีป้ายอยู่ด้านบน เขียนว่า      "  Upper Crust Cafe'  " 










         
                            ยังทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณน้ำอีกว่า   ร้านนี้ทำ เค้ก ส่งให้กับ ร้านกาแฟระดับโลก ที่มีสาขาอยู่ทุกเมืองใหญ่ๆรอบโลก (สตาร์อะไรซักอย่างนี่แหละครับ)   ซึ่งคุณน้ำ แกเป็น FanClub  ที่แกไปนั่งทอดอารมณ์ของแก ที่รานกาแฟยี่ห้อนี้ ได้ทุกวี่ทุกวัน ... แกเล่าให้ฟังว่า  ในแต่ละแห่ง แต่ละเมือง ของ ร้านกาแฟ ยี่ห้อนี้ เค้าจะมีเค้กที่เป็น  Signature Dish    ซึ่งไม่เหมือนกันซักเมือง
ที่ เชียงใหม่ ก็จะมี     Mango Cheese Cake     เป็น    Signature Dish   อยู่ประจำทุกสาขา
ไม่ว่าขนมเค้ก หรือ พาย ในร้านกาแฟชื่อดังร้านนี้  ต่างทำไปจาก ร้านที่คุณน้ำ พาผมมาชิมร้านนี้  หมดทุกอย่างเลยครับ
                          พอถึงร้านก็หาที่จอดง่ายมากครับ จะริมถนน หรือ เข้าไปในที่จอดของรถไฟ ก็ได้ครับ  ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ มีที่นั่งประมาณ 4 โต๊ะ    
เปิดบริการตั้งแต่  8 โมงเช้า ถึง  20.00 นหยุดทุกวันอาทิตย์ ครับ
               














                            พอนั่งโต๊ะเรียบร้อยพนักงานก็เอารายการอาหารมาให้ .. อืมส์ ... รายการเยอะมากเลยครับ ทั้งขนมนมเนย และ อาหาร ตอนผมเดินเข้ามาในร้านได้กลิ่นขนมแล้ว น้ำลายสอ เลยหละครับ ก็เลยมั่นใจจากกลิ่นหอมได้ว่า อาหารเค้าน่าจะอร่อยทุกจาน ....  ผมก็เลยสอบถามพนักงานเลยครับว่า    อาหารอะไรจานไหน  ที่มีคนสั่งมากที่สุดในร้าน  
                            น้องพนักงาน  ร่ายยาวให้ฟัง แต่ละรายการอย่างละเอียดเลยครับ  ..  แต่ เธอ ยังอธิบาย ไม่ทันจบ   ผมก็จัดแจงสั่ง  ทุกอย่าง ที่แนะนำ มาอย่างละหนึ่งที่เลยครับ  ... แล้วก็ หันไปบอกคุณน้ำอีกว่า    " เธอไม่ต้องสั่งเยอะ  จะได้ช่วยเราทาน "        55555
คุณน้ำแก   ก็เลยสั่งแค่   สลัด   และ  ซุป  Cream of Mushroom   มาเพิ่ม




 











Enchiladas   Enchiladas (Beef)    ..........    อาหารสไตลส์แม๊กซิกัน  ที่มีเนื้อบด ผัดคลุกเคล้า กับ เครื่องเทศ   ที่ปรุงรสจัดจ้าน  ตามแบบฉบับของ จังโก้    ห่อมาด้วย   แป้ง  ตอร์ติญ่า ที่เอาไปอบ ....  แป้งนุ่มๆ  อุ่นๆ  กับไส้เนื้อบด ที่หอมเครื่องเทศแบบ แม๊กซิกัน  รสจัดจ้าน   เสริฟพร้อม   Salsa   และ   Sour Cream    .....    โอววววววว    อร่อยจริง  ...  อร่อยแบบ  นั่งทานอยู่ใน  แม๊กซิโก เลยครับ   แต่เสียดายที่  ไม่มีพริกดอง  แบบแม๊กซิกันให้ทานแกล้มกัน   (หรือว่าผมลืมสั่งก็ไม่ทราบ ลืมถามครับ ทานเพลินครับ)    

Home made Cheese Hamburger    ...........   เบอร์เกอร์ ทำเองของร้านนี้  ใช้เนื้อสับ  หมักปรุงรส ก้อนหนา  เนื้อนุ่ม รสกลมกล่อม ทำมาสุกกำลังดี  ประกบมาด้วยชีสสีเหลืองสวย แซมผักสลัดและ มะเขือเทส มาด้วย  รสชาติ ชีสเบอร์เกอร์ ร้านนี้ แทบไม่ต้องใส่ ซ้อสอะไรเลยครับ  อร่อยลงตัวดีครับ    

ซุป Mushroom   ...........   ซุปข้น เห็ดแชมปริยอง   สีสวย  ออกสี คล้ายๆ สีเผือก ...  รสชาติดีเลยครับ  สัมผัสได้ถึงเนื้อเห็ดที่อยู่ในซุป  .
     
สลัด   ..........   ผักสลัดในเชียงใหม่ เกือบทุกร้าน ค่อนข้างได้เปรียบ จังหวัดอื่นๆ เพราะความสดของผัก ที่ส่งตรงลงมาจากยอดดอย ครับ  ...  แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างกัน ก็คงเป็นที่  น้ำสลัด  นี่แหละครับ  ....  น้ำสลัด กลมกล่อม  อร่อยดีครับ    


Mango Cheese Cake  ...........    คุณน้ำ เป็นคนสั่งจานนี้ มาให้ผมลองชิม จนได้ครับ  ... ตอนเข้ามาในร้าน  ผมไปยืนเล็ง  จานนี้มาตั้งแต่ใน ตู้โชว์ เค้ก แล้วครับ  แค่เห็นสีสัน ก็อยากทานเต็มทนแล้วครับ  ....    พอได้ตัก เข้าปากคำแรก เท่านั้นครับ  ....  โอววววว   .....  รสชาติ ของ ชีส นวลๆ  นุ่มๆ  ตัดกับ  มะม่วงน้ำดอกไม้  ที่หั่นเป็น ชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย  แทรกตัว  อยู่ในเนื้อ ชีส  ..  บวกกับ  น้ำราด ทีมี รสหวานอมเปรี้ยว  สีเหลืองสวย  ...  โอวววว   ทุกรสชาติ ผสมผสานกันลงตัว ดีจริงๆครับ   มีครบทุกรสครับ  ทั้งรสของชีส  ..  รสของมะม่วงน้ำดอก   ซึ่งเปรี้ยวอมหวาน   ช่างตัดกันได้ดีจริงๆครับ   ....  อร่อยสมคำร่ำลือ ครับ 
 จานนี้  ผมทานยังไม่ทันหมด   ก็หันไปบอกน้องพนักงานว่า    ช่วยจัดใส่กล่องให้อีก   7  ชิ้น  จะเอากลับ ออฟฟิส   เอาไปให้น้องๆ  ที่ทำงาน ได้ลิ้มรสกันเต็มอิ่ม เลยครับ   ... 

พอเรียกเด็กเก็บตังค์ ... อ้าว .... คุณน้ำ จ่ายไปซะแล้ว   ..   ลาภปากจริงจริ้ง เลยครับ   ...  55555

ใครแวะมาเชียงใหม่  หรือ หลายท่านที่อยู่เชียงใหม่ อยากลองชิมเค้ก ระดับโลก หรือ อาหารฝรั่งง่ายๆ ราคาไม่แพง อยู่หน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่  หรือ จะสั่งขึ้นรถไฟ ลองโทรไปสอบถาม หรือ จะจองโต๊ะไปชิมที่ร้านก็เชิญนะครับ        ที่  053-302-233 


แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมด ที่ผมเขียนแนะนำ ไว้ใน   " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "

https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM





ป๋าปึกส์
18/8/2554
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html


ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun


วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

BOON TONG KEE ข้าวมันไก่เจ้าเก่าแก่ (สิงค์โปร์)












           วันนี้ยังคงแนะนำ ร้านอาหารที่ สิงค์โปร์ อยู่ครับ ... ถ้าเรานึกถึงอาหารที่ชาวสิงค์โปร์ นิยมทานกัน ก็มีไม่กี่อย่างครับ อันดับต้นๆเลย ก็น่าจะเป็น  ข้าวมันไก่ รองลงมาก็ บักกุ๊ดเต๋  แล้วน่าจะเป็น  เนื้อสะเต๊ะ  ซึ่งหากเราไปเที่ยว สิงค์โปร์ แล้วมองไปตามแหล่งที่มีร้านอาหารเยอะๆ หรือ Food court  ที่มีอยู่ตามแหล่งชุมชน ในมุมต่างๆของเมือง  ท่านก็จะหาทานอาหารที่กล่าวมาไม่ยากครับ
             
            ข้าวมันไก่    (จีนตัวเต็ม: 海南雞飯  ;    จีนตัวย่อ: 海南鸡饭  ;     พินอิน: Hǎinán jīfàn ข้าวไก่ไหหลำ หรือ ข้าวไก่ไห่หนาน)    เป็นอาหารคาวของไทยและจีน คาดว่าอาหารชนิดนี้ได้รับการเผยแพร่มาจาก ชาวจีนหลี   (หรือไหหลำ หรือไห่หนาน)    มีให้รับประทานกันทั่วทุกภาคในประเทศไทย และนิยมกันมากในหมู่  ชาวไทยเชื้อสายจีน    นอกจากนี้ยังนิยมรับประทานกันมากใน   มาเลเซีย  และ   สิงคโปร์ อีกด้วย     ร้านข้าวมันไก่ พบได้ทั่วไปตามแหล่งชุมชน โดยมักจะมีตู้ใสแขวนไก่ต้มทั้งตัวอยู่หน้าร้านเป็นจุดสังเกต บางร้านนำข้าวมันไก่มาประยุกต์โดยใช้ ไก่ย่าง หรือ ไก่ทอด เพื่อเพิ่มความหลากหลาย 
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี




ข้าวมัน ทรง ปิรามิด
ไก่ตอน











            สำหรับวันนี้ขอพาไปทาน ร้านข้าวมันไก่ ที่เก่าแก่ที่สุดร้านนึง ของสิงค์โปร์ เปิดขายมาประมาณ  32 ปีแล้วครับ   ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979  จนปัจจุบัน ขยายสาขาเต็มบ้าน เต็มเมือง รวมแล้วเฉพาะที่ สิงค์โปร์ก็มีถึง  6 สาขาแล้วครับ  โดยสาขาแรกดั้งเดิมของเค้า ตั้งอยู่ใน ย่าน  China Town  บนถนน Balestier Road  แล้วก็ขยายมาเรื่อย จนปัจจุบัน กิจการใหญ่โต จนต้องผลิตเป็นโรงงานเลยละครับ  ลองเข้าไปดูใน  website  ของทางร้านเค้านะครับ        http://www.boontongkee.com.sg/about.html  
          
            แต่ในวันนี้ผมพาไปทานที่สาขา  River  Valley   ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พัก  เที่ยวนี้ผมไปพักในย่าน  Clarke  Quay  แหล่ง ชุมนุม ร้านอาหาร ที่เที่ยวกลางคืน ของเมืองนี้ ซึ่งอยากแนะนำให้ผู้ที่ชอบใช้ชีวิตราตรี จากบ้านเรา  หากต้องการใช้เวลายามเย็นอย่างสนุกสนาน พักแถวนี้เลยครับ    มีโรงแรมดีๆ .... ราคา " ไม่เว่อร์ "  อยู่แถวย่านนี้หลายแห่งครับ



น้ำจิ้ม พร้อม ถั่ว
ผักขม ไข่เค็ม












                 วันนี้ผมไปกันทั้งหมด 5 คนด้วยกันครับ  ไปถึงก็ 11 โมงกว่าๆ  ที่นั่งยังว่างอยู่ เลยรีบนั่งรีบสั่งเลยครับ  ...  บอกไว้ก่อนสำหรับคนไทยบ้านเรานะครับ  ข้าวมันไก่ เกือบทุกแห่งที่นี่เค้าเริ่มขาย  11 โมงนะครับ  จะไปหาทานตอนเช้าๆอย่างบ้านเราไม่มีนะครับ  วันนี้พอนั่งโต๊ะเรียบร้อย ก็อาจจะโชคร้ายของพวกเราที่มาเจอพนักงาน " ดุมาก " ครับ  ที่นั่งว่างเต็มร้านพวกเราอยากนั่งโต๊ะที่เราชอบ  แม่บริกรสาวที่ไม่ค่อยสวย ก็กรีดนิ้วชี้ทันที  " ห้ามย้ายโต๊ะ "  ด้วยภาษาอังกฤษ สำเนียงสิงค์โปร์ เสียอารมณ์ไปพอควร  ว่าแล้วก็ดูรายการอาหาร  เมนูเยอะมาก ไม่ต่างกับภัตตาคารใหญ่ๆในบ้านเราเลยครับ
                ผมจัดแจงสั่งเลยครับ  ไก่ตอน  2 จานใหญ่ , คะน้าน้ำมันหอย แล้วก็หันไปถาม แม่นางคนเสริฟคนเดิมว่า  มีน้ำซุปให้ด้วยรึเปล่า (น้ำซุปถ้วยเล็กๆโรยต้นหอม ที่แถมให้กับข้าวมันไก่ที่บ้านเรา)  เธอตอบว่า มี แต่ถ้วยละ 2.40  เหรียญสิงค์โปร์ โอววววว (ถ้วยขนาดในรูปในหน้านี้ครับ)  ถึงแพงผมอยากทานก็สั่งมาถ้วยนึงครับ .... แล้วก็เลยให้สาวน้อยแนะนำ เธอก็แนะนำ ผักขมไข่เค็ม ซึ่งมีน้ำซุปมาด้วย (ในรูป)  พร้อมข้าวมัน อีก 5 จาน



น้ำซุป ตัวแสบ
ร้านข้างๆ ที่อยากแนะนำ












               เมื่ออาหารมาถึง  ความวุ่นวายหงุดหงิดก็หายพลันครับ ไก่ตอนอร่อยจริงๆครับ ต้องยอมรับและยกนิ้วให้ครับ 2 จานใหญ่ หมดไม่มีเหลือครับ ส่วนข้าวมัน สำหรับผมแล้วผมว่าหลายร้านในบ้านเรา อร่อยกว่าครับ  น้ำจิ้มไก่ถูกใจผมมากครับ ออกเปรี้ยว(ของโปรด) สไตลส์ไหหลำ แท้ๆครับ ส่วนผักขมก็ทานได้ครับ  สรุปว่า ไก่ตอนพลาดไม่ได้เลยครับ ส่วนอย่างอื่นธรรมดาๆครับ  ถั่วนึ่งที่เอามาวางให้ทานเล่น อร่อยจริงๆครับ ... ที่น่าช้ำใจที่สุดสำหรับผมก็ ไอ้เจ้าน้ำซุปใสๆ ใส่ต้นหอมราคา 2.40 เหรียญครับ 
               ข้างๆร้านนี้มีร้านข้าวมันไก่อีกร้านนึงชื่อ Five Star  ข้าวมันไก่ ... ผมแอบบไปชิมมาด้วยครับ ยืนยันว่า  ไก่ตอนอร่อยแบบไม่แตกต่าง  same same  ข้าวมันก็อร่อย น้ำซุปก็ฟรี  ชอบแบบไหน หรูหรา หรือ ธรรมดาเดิมเดิม  ก็เลือกกันเอาเองนะครับอยู่ติดกันเลยครับ

              ต้องขอโทษนะครับที่เขียนแบบ ตรงไปตรงมา ตามที่ไปเจอมา




ป๋าปึกส์
15/8/2554
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html


ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

SONGFA Bak Kut Teh บักกุ๊ดเต๋ ... สิงค์โปร์


SONGFA  Bak Kut Teh  บักกุ๊ดเต๋ เจ้าอร่อย ที่ สิงค์โปร์



 









                วันนี้มาแนะนำร้านอาหาร ที่สิงค์โปร์ ครับ ... สาเหตุที่เขียนถึงร้านอาหารที่นี่ ก็เพราะว่า มีเพื่อนๆผม หลายคน เวลาจะไป สิงค์โปร์ ก็มักจะโทรถามผมว่า ไปสิงค์โปร์  ไปทาน บักกุ๊ดเต๋ ร้านไหนดี มีหลายๆคนเคยไป ร้านดัง เก่าแก่ แถว  Rangoon Road  ที่มีคนเขียนแนะนำกันมามากมายอยู่แล้ว  บางคนก็อยากลองร้านใหม่ๆ บ้าง  ... วันนี้เลยขอแนะนำเพิ่มเติมอีกซักร้านนึงครับ
                ก่อนอื่น มาทำความรู้จัก กับ " บักกุ๊ดเต๋ "  ก่อนครับ  เป็นคำในภาษาจีนฮกเกี้ยน ครับ ... โดยคำว่า  " บัก หรือ บะ "  แปลว่า เนื้อสัตว์  ... คำว่า  " กุ " แปลว่า กระดูก .... ส่วนคำว่า  " เต๋ "  แปลว่าน้ำชาครับ ... บักกุ๊ดเต๋ (ซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน)  เป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันใน แหลมมาลายู และ ไต้หวัน ...  (ใน ศตวรรษที่ 19   ชาวจีน จาก กวางตุ้ง , เฉาชา หรือ ฟูเจี้ยน  นำอาหารชนิดนี้เข้ามาเผยแพร่ ในแหลม มาลายู ในช่วงที่ ชาวจีน อพยพ มาตั้งรกราก .. ขอขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย)  โดยมากจะรับประทาน บักกุ๊ดเต๋ เป็นอาหารเช้า กับ ข้าวสวย และ ปาท่องโก๋ ปัจจุบัน มีขายกัน ทั้งกลางวัน และเย็น ด้วยครับ และ คนจีน จะนิยมทาน บักกุ๊ดเต๋ กับ น้ำชาร้อนๆ  จนทำให้เป็นคำเรียกติดต่อกันว่า  " บักกุ๊ดเต๋ " (ซี่โครงตุ๋นกับน้ำชา)


                










                 บักกุ๊ดเต๋  จะนิยมใช้ ซี่โครงหมูชิ้นใหญ่ที่มีเนื้อติดกระดูกเยอะๆ หมักด้วยเกลือกับพริกไท และซ้อสปรุงรส แล้วนำไปทอดด้วยน้ำมันร้อนๆ เพื่อไม่ให้เปื่อยด้านนอก เวลาตุ๋นนานๆ  จากนั้นก็น้ำไปตุ๋นในน้ำแกงที่ใส่เครื่องปรุงแบบจีน เป็นต้นว่า  โป๊ยกั้ก , อบเชย , กานพลู , ตังกุย , เม็ดยี่หร่า , พริกไทเม็ด และ กระเทียม โดยเคี่ยวด้วยไฟเบาๆ ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง  ส่วนร้านไหนมีทีเด็ดอะไรพิเศษ ก็เป็นสูตรทางเทคนิคของแต่ละร้านไปครับ ...

*** ผมชอบทำ เมนูนี้มากครับ เร็วๆนี้ จะทำ VDO ลงใน " ป๋าปึกส์'s Channel " ใน Youtube  ที่สอนการทำอาหารอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว  จะแสดงวิธีการทำ บักกุ๊ดเต๋ แบบง่ายๆ ที่รสชาด อร่อยไม่แพ้ใครเลยละครับ ทำเสร็จแล้ว จะมา Attach  ไว้ในหน้านี้ครับ *** 
                วันนี้ขอแนะนำ  ร้าน Songfa   อีกหนึ่งร้าน ที่มีคนเต็มแทบทุกวัน แต่ร้านนี้ไม่ได้ขายตอนเช้าแบบร้านอื่นนะครับ เปิดขายตั้งแต่  11.00 น.  จนถึง  22.00 น.  และ หยุดทุกวันจันทร์ ครับ   หาไม่ยากครับ อยู่ติดกับ Clarke  Quay  เลยครับ  ....
เลขที่  17  New Bridge Road  ,   #01-10  Singapore  059386 (upp. Circular rd.)    
สอบถามรายละเอียด หรือ จองที่นั่งได้ที่             +65 6438 2858













                 บักกุ๊ดเต๋ เจ้านี้ เป็นเจ้าที่ทำแบบสุตร ตามตำหรับของ คนฮกเกี๊ยน รุ่นแรกๆ ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ในเกาะ ปีนัง ก่อนที่จะมาตั้งรกราก ที่สิงค์โปร์ ตำหรับที่ว่านี้ จะตุ๋น ซี่โครงด้วยสมุนไพรจีน พริกไท และ ซ้อสปรุงรส ก็เลยมีสีเข้ม คนสิงค์โปร์เค้าเรียกว่า  Herbal  Bak Kut Teh  .... ส่วนอีกแบบก็เป็น น้ำใส ครับ  หรือที่เค้าเรียกว่า Pepper Bak Kut Teh  ก็จะเน้นไปทางพริกไทเม็ด และ เครื่องเทศชนิดที่ไม่มีสี  แต่ทั้ง 2 แบบ  ก็ได้ลิ้มรสความนุ่มของ กระดูกที่ตุ๋นหอม จนนุ่มเปื่อย  และน้ำซุปรสเด็ด
                 นอกจาก บักกุ๊ดเต๋ แล้วยังมี อีกหลายรายการของร้านนี้ ที่พลาดไม่ได้ครับ ตับลวก และ เซี่ยงจี๊ลวก  สองอย่างนี้อร่อยจนขอแนะนำว่า ไม่ควรพลาดเลยครับ จุดเด่น เซี่ยงจี๊ ที่นี่ ก็คือการล้างแบบจีนโบราณ ที่เรียกว่า  " ไหลน้ำ " (เปิดน้ำให้ไหลริน เอื่อยๆ ตอนที่แช่ เซี่ยงจี๊ ในกาละมัง จนไม่มีกลิ่นติดแม้แต่น้อย ที่สำคัญคือการลวกที่สุกกำลังพอดี  จิ้มกับซีอิ้วดำ ที่รินไส้ในถ้วยพร้อมพริกชี้ฟ้าสีแดง .....  โอวววว นี่ถ้าเปาบุ้นจิ้นมาเห็น แกคงทิ้งศาลไคฟง เลยหละครับ ... ส่วนตับลวก ก็อร่อยสุดๆครับ ลวกแบบชั้นเทพ เช่นกันครับ     



 










                    นอกจากที่กล่าวมา ยังมีอีกหลายรายการที่น่าทานครับ  แต่ที่เข้ากันมากอีกอย่างก็คือ ผักกาดดองหั่นเล็ก  และ ผักกวางตุ้งลวกโรยด้วยปลาแห้ง   แต่อย่างว่าครับ  เท่าที่สั่งมาก็แทบจะล้นกระเพราะแล้วครับ  น้ำซุปที่นี่มันช่างหอมเครื่องเทศ ได้รสพริกไทรุนแรงดีครับ  ผมทานทีไรเติมน้ำซุปไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้งทุกทีครับ  ที่สำคัญ น้ำซุป เติมฟรี ครับ   เวลาไปทานอย่าลืมสั่ง ชาร้อน นะครับ เป็นชาแบบกวางเจารสเข้มข้น  เสริฟในถ้วยเล็กๆ พร้อมกาและใบชา  ร้าน บักกุ๊ดเต๋ ทุกร้านจะวางกาต้มน้ำ และต้มไว้ให้ท่านตลอดเวลาที่ทานอาหาร เพราะคนที่นี่นิยมดื่มชาแบบ ร้อนจัดๆ ในถ้วยเล็กๆ
                   รายละเอียดความเป็นมาของร้าน และ รายการอาหาร ของร้าน  Songfa  ท่านสามารถเข้าไปดู  ได้ใน Web  ด้านล่างนี้ครับ

                   http://www.songfa.com.sg/  
            
                   อย่าลืมนะครับไป สิงค์โปร์ เที่ยวหน้าลองแวะไปชิมร้านนี้ดูนะครับ ....  ผมยังมีอีก ร้านบักกุ๊ดเต๋ อีกสไตส์  (บักกุ๊ดเต๋ น้ำใส) ที่จะเขียนแนะนำ  คอยติดตามนะครับ




ป๋าปึกส์
8/8/2554
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun


วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อ๋องทิพย์รส ... ลูกชิ้นหัวนม ... เชียงใหม่

ลูกชิ้นหัวนม  " อ๋องทิพย์รส "
ร้านดั้งเดิม  
(ขวัญใจ คนกลางคืน) ...  บนถนน ปกเกล้า  ใกล้ประตู ช้างเผือก
เปิดบริการ  ตั้งแต่      18.00 น.  -  05.00 น.
สาขา ที่  3   (ขวัญใจ คนกลางวัน)   ...   บนถนน เส้นแม่โจ้
เปิดบริการ ตั้งแต่      11.00 น.  -  23.00 น.







                                 ตอนที่มาอยู่เชียงใหม่ ใหม่ๆ  .. เมื่อกว่า  15  ปีที่แล้ว  ....  เวลาที่ แขกไปใครมา แล้วเราต้องรับรอง ด้วยการ พาตระเวนเที่ยวกลางคืน  ...  พอใกล้จะจบรายการ เอนเตอร์เทน ตอนดึกแล้ว  ส่วนมาก ก็มักจะจบ และ ตบท้ายท้ายกันด้วย การหาอะไร ร้อนๆ ซด  เพื่อเรียกสติกลับคืน ก่อนที่จะยแยกย้าย กลับไปพักผ่อนกัน
" ลูกชิ้นหัวนม "    หรือ ร้าน    " อ๋องทิพย์รส "
เป็น หนึ่ง ในตัวเลือกยอดนิยม ของคนกลางคืนเมืองเชียงใหม่ครับ
หลังจากที่ใช้ชีวิตกลางคืน  มาจน  กลึ่ม  กันเต็มที่  ...  กำลังซะเงาะซะแงะ  เดินแอ่นไปแอ่นมา แล้ว  ก็คงไม่มีอะไร จะดีไปกว่า    " น้ำซุปต้มกระดูกร้อนๆ "   หรือ   " ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาลูกเล็กๆ "    ที่มักจะถูกเรียกกันว่า  " ลูกชิ้นหัวนม " 












                            จุดขาย ตัวสำคัญ ของ  " อ๋องทิพย์รส "    ร้านก๋วยเตี๋ยวเก่าแก่ กว่า 30 ปี ร้านนี้ ... นอกจาก ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา  และ ซุปกระดูกหมู แล้ว  ก็ต้อง พ่อหนุ่มหน้าใส คนนี้เลยครับ
" พ่อยอดชาย นายน้อย "   หนุ่มใหญ่ในรูปด้านบนครับ
ด้วย ลีลา สั่ง ออร์เดอร์    ....   ลีลาการคิดตังค์   อันเป็นเอกลักษณ์  
คิดตังค์อย่างรวดเร็ว   เสียงดังชัดเจน  รวดเร็วปานปืนกล  แถมไม่เคยคิดผิด  ...  ลีลา ท่าทาง เป็นที่ถูกใจ ลูกค้า  จนคนรู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง กันเลยทีเดียวครับ  ...  แถมยังมี รายการโทรทัศน์ หลายรายการ ถ่ายทำไป ทั้งไทย ทั้งเทศ ครับ
เวลาไปร้านนี้  ทีไร ผมก็จะสั่งทาน  อยู่แค่  2 รายการเท่านั้นครับ  (พยายามเลือกเอา รายการ ที่ ช่วยบรรเทา อาการมึนเมา ครับ)   ...   ซุปกระดูกร้อนๆ  และ  เส้นหมี่ ลูกชิ้นปลาครับ  

เส้นหมี่  ลูกชิ้นปลา   ..........   ที่เลือก เส้นหมีขาว  ก็เพราะ  มีความรู้สึกของตัวเองที่ รู้สึกว่า  เส้นหมี่ขาว มันเข้ากับ ขนาดของ ลูกชิ้นปลาร้านนี้ เท่านั้นเองครับ  ...  ลูกชิ้นปลาร้านนี้ เล็กๆ กลมๆ  ขนาดประมาณลูกมะยม  ...   แต่  ลูกชิ้นปลา ของร้านนี้เป็นที่รู้จักกันมานาน ในนาม   ลูกชิ้นหัวนม 
ผมเอง  ก็ไม่รู้  ที่มาที่ไป ของคำว่า ลูกชิ้นหัวนม เหมือนกันครับ  
ไม่ทราบว่า ไปตรง หรือ ไปเหมือน หรือ ไปมีขนาดเท่ากันกับ ของใคร ยังไงกัน
อันนี้คงต้องเซาะหาตำนาน กันเอาเองครับ   ๕๕๕๕๕

ซุปกระดูกหมู  ...........   ซุปกระดูกหมู ร้านนี้ เริ่มจากเค้าคัดเอากระดูกซี่โครง และ กระดูกส่วนที่มีเนื้อติดเยอะหน่อย  มาต้มเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ นานนับหลายชั่วโมง  เพื่อเอามาทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว
ลองคิดดูซิครับ ว่าร้านนี้เปิด 6 โมงเย็น ... ปิด ตี 5  ... แล้วถ้าเราไปทานตอนดึก  น้ำซุปจะอร่อยหวานน้ำต้มกระดูกขนาดไหน  ....  แค่เหยาะพริกไท ลงไปหน่อย (แต่ ผมชอบเหยาะ เยอะๆ ครับ)  ก็อร่อยชื่นใจ  เรียกสติกลับมาได้เล็กน้อยครับ  ...  ทุกวันนี้ ซุปกระดูก  เป็นรายการยอดนิยม ทางร้านต้องต้มซุปกระดูก อีกหลายหม้อเลยครับ











สาขาล่าสุดใหม่ของ    " อ๋องทิพย์รส "    ที่รู้สึกว่าจะเป็น สาขาที่ 3 แล้วครับ
ผมผ่านไปทำฟันกับ คุณหมอปุ๊ (สุดยอดหมอมือเบา)   ที่คลีนิค ทันตกรรม รวมโชค ซึ่งอยู่ใกล้กัน กับร้านก๋วยเตี๋ยว สาขานี้  เป็นประจำครับ
วันนี้ได้โอกาส  ก็เลยพุ่งตรงไปพร้อมกับ ทีมงานนักชิมอย่าง  คุณโอ๋ และ Wing Wing  (เสือร้าย)
ร้านนี้ หาไม่ยากครับ  ....  ขับรถจากซุปเปอร์ เลี้ยวเพื่อไปมุ่งหน้าทาง  ม.แม่โจ้ พอผ่านสี่แยก    " กาดรวมโชค "    (ริมปิง ซุปเปอร์)    มาซักประมาณ 500 เมตร ก็จะเห็นตึกแถวกลุ่มแรกซ้ายมือ   นั่นแหละครับอยู่ตรงนั้นเลยครับ
รายการอาหาร ของ ร้านสาขานี้ ไม่ต่างกันกับร้านต้นตำรับ และ สาขาอื่นๆครับ
มี ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา (มีเส้นให้เลือก ทั้ง เล็ก กลาง ใหญ่ เลยครับ)   ... ซุปกระดูกซี่โครงหมู  ....  ร้านนี้ยังคงความอร่อย ของน้ำซุปตามสูตรเดิม  ลูกชิ้นปลาลูกน้อยๆ ก็อร่อยเหมือนเดิมครับ  ... พริกน้ำส้ม ก็เป็นพริกตำ หอมรัญจวนใจ ครับ  
ร้านนี้ เปิดตั้งแต่ ตอนสายๆ เลยครับ  ...  11.00 น.  -  23.00 น.  
เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับมื้อกลางวัน  หากท่านยังไม่หาย แฮงค์ หรือ ยังอยากได้อะไรร้อน   หรือ จะแวะทาน ก๋วยเตี๋ยว และ ซุป  ก่อนกลับบ้าน ตอนไม่ดึกมาก
แต่ที่ร้านนี้   ก็จะไม่มี  ลีลา การคิดเงิน  ของ  เถ้าแก่น้อย ผู้มีลีลาเร้าใจคนนั้น  
แต่อย่างน้อยก็ยังมี ซุปกรดูก ให้ได้ซด ชุ่มคอดีครับ















ป๋าปึกส์
2/8/2554
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html


ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun