Translate

วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Le Beaulieu ... อาหารฝรั่งเศส ... เชียงใหม่

 Le  Beaulieu   ...   อาหารฝรั่งเศส  ที่ เชียงใหม่แลนด์ ซอย 7  ...   เชียงใหม่  



                              ถ้าออกมาจาก กรุงเทพ มหานคร ฯ  แล้ว  ...   ผมว่า เชียงใหม่  เป็นเมืองที่ ร้านอาหารหลาหลายและมากที่สุด เมืองนึงของประเทศไทย เลยหละครับ  ....  ทั้ง อาหารเมือง (อาหารเหนือ)  ..  อาหารไทย .. อาหารจีน .. อาหารญี่ปุ่น .. อาหารอินเดีย .. อาหารอิตาเลี่ยน .. อาหารฝรั่งเศส .. อาหารสเปน  ..  โอวววว  ร่ายยาวกันจนนับไม่ถ้วน กันเลยครับ  นี่ ผมยังนับไม่รวม ร้านอาหารจานเดียว อีกมากมาย
                              นี่ขนาด เมืองเชียงใหม่ มี ประชากรน้อยมาก เมื่อเทียบกับขนาดของพื้นที่  ...  แต่ด้วยความที่เป็น เมืองแห่ง ความอุดมสมบูรณ์  และ มีภูมิอากาศตที่ค่อนข้าง ตรงตามฤดูกาล  ...  แถมยังเหมาะกับ การเพาะปลูก พืชผัก และ ผลไม้ ที่นำเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก   และ ยังเป็นเมืองที่ ยังคงรักษาธรรมเนียมประเพณี ไว้ได้เป็นอย่างดี   ...  คุณสมบัติเหล่านี้  ก็เลยทำให้ เมืองเชียงใหม่  เป็นที่นิยม ของ ชาวต่างชาติ ที่ต้องการมาปักหลัก ทำมาหากิน และ อยู่อาศัย  ...   จนสามารถบอกได้ว่า เป็นเมืองที่มีร้านอาหารนานาชาติ  มากที่สุด นอกเมืองหลวง เลยหละครับ
















                               ถ้าผู้อ่านที่เคยติดตาม Blog ของผม  มาพอสมควร คงจำได้ว่า ผมเขียนแนะนำ  ร้านอาหารฝรั่ง ร้านโปรดของผม  บนรีสอร์ท ที่ ยอดดอยแถวๆ ทางไป อำเภอเสมิง  ที่ชื่อ   Hill Lodge  ( http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/12/hill-lodge.html )    ....   ร้านนี้นี่แหละครับ เป็นร้านเดียวกันครับ                                " Le Beaulieu "   ร้านอาหารฝรั่งเศส ใน ซอยเชียงใหม่แลนด์ ซอย 7  ...  เปิดมาได้ปีกว่าๆ  แล้วมั้งครับ  ...   ผมยังจำได้ว่า เคยไปงานเปิดร้านของร้านนี้ เมื่อไม่นานมานี้เองครับ  ... วันเปิดผู้คนเยอะมากเลยครับ  ...  ตอนที่ไป ก็เจอคนรู้จักมากมาย   ก็เลยดื่มกันไป  ทักทายกันไป เลยไม่ได้ทานอาหารเลยครับ  เพราะผมต้องไปงานต่ออีกงานนึง  เลยไม่ได้ชิม และ เขียนแนะนำไว้ครับ   ...
หลังจากนั้น  ก็ว่าจะไปลอง  จะไปลอง  จนเวลาล่วงเลยมาเป็นปีเลยครับ  ...   มาเมื่อวานซืน นี้เองครับ  ที่ เพื่อนรัก ที่เป็นเพื่อนกันมากว่า 40 ปีแล้วครับ  เค้าพาครอบครัวมาเที่ยว เชียงใหม่ หลายวัน  ...  ไม่ว่าจะทานมื้อไหน  เพื่อนผม บอกว่า เปิด  Blog  ป๋าปึกส์  แล้วไปทานง่ายดีครับ  (5555   ชมตัวเอง)  เพื่อนผมบอกว่า เหมือนกับผม คัดกรองมาให้แล้ว  .....   แต่ร้านนี้ ที่เขียนวันนี้ซิครับ  เพื่อนผมเป็นคนแนะนำ  บอกว่าเพื่อนๆเค้าที่มาจาก กรุงเทพฯ มาทานแล้ว บอกว่า    " It's Must "   (ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด)  .....   เราก็เลย ตรงดิ่งไปที่ร้านนี้เลยครับ

















                                Le  Beaulieu  อยู่ใน ซอยเชียงใหม่แลนด์ ซอย 7  ...  เข้าซอยไปก็เห็นเลยครับ  มีป้ายร้านอยู่ซ้ายมือตรงกลางซอยครับ   ....  ตัวร้านตั้งอยู่ในบ้านหลังใหญ่  ตกแต่งเก๋ไก๋ น่านั่งเลยครับ  มีอยู่ประมาณ 10 โต๊ะ  พร้อมห้องเก็บไวน์ ที่ควบคุมอุณหภูมิอย่างดี อยู่ตรงกลางร้าน  ...  เราไปกันประมาณหนึ่งทุ่ม ได้เวลากำลังหิวพอดีเลยครับ  ...  ไปถึงก็เริ่มสั่งเครื่องดื่ม และ เปิดดูรายการอาหารกันเลยครับ
                               โอววววววว  .....  เห็นเมนู  แล้วจะเป็นลมครับ  ..  ปรกติไปร้านอาหารฝรั่งเศส มักจะเห็นเมนูแล้วจะเป็นลม ก็เพราะราคา ที่สูงลิบลิ่ว  ....  แต่ร้านนี้ซิครับ  ผมต้องหันกลับไปถามผู้จัดการร้านเลยครับ   ว่า  " ราคาที่ใส่  ผิดพลาด รึเปล่า ครับ "  ....  อะไรกันครับ  อาหารฝรั่งเศส จากร้านดังจากกรุงเทพฯ  มาขายในราคาแบบนี้ เลยเหรอครับ  ...  เอาเป็นว่า  เสียค่าเครื่องบิน ไปกลับ แล้วมาทานที่เชียงใหม่ ยังถูกกว่าทานที่กรุงเทพฯ อีกครับ  .......  ราคาที่ผมว่า เป็นราคาอาหาร แบบ  Set Menu  ครับ
ถูกและคุ้มค่า จริงๆ ครับ
Set Menu  ที่ร้านนี้ มี 3  ราคาด้วยกันครับ  
Set  แรก  ...  มี  3  course ครับ    ...  Appetizers (อาหารเรียกน้ำย่อย)  มีให้เลือก 4 อย่าง  ... Mains (อาหารจานหลัก)  มีให้เลือก 3 อย่าง  ...  Desserts (ของหวาน)  มีให้เลือก 2 อย่าง
ราคาท่านละ   1,050 ++   ครับ  (ผมไม่ได้เขียนผิดนะครับ ขอยืยยันครับ)

Set  ที่ 2 (Mains set A)     และ   Set ที่  3  (Mains set B)
Appetizers  (อาหารเรียกน้ำย่อย)   เหมือนกัน ทั้ง 2 set   ...  มีให้เลือก 4 อย่าง   มี Pan fried Foie Gras  ด้วยนะครับ  ....
Mains set A  ... มีให้เลือก 2 อย่าง เป็น  Stream wild seabrass fillet  และ  Baked Crispy Duck Leg Confit
Mains set B  ... มีให้เลือก 2 อย่าง เป็น Beef  " Steak au Poivre "  และ  Roasted Australian Lamb Rack
Desserts  (ของหวาน)  ...   มีให้เลือก 2 อย่าง ครับ
ราคาถูกมากครับ   ....  Set Main A  ท่านละ  1,350++   ....   Set Main B  ท่านละ  1,500++   ....   บาทนะครับ ไม่ใช่ ยูโร ครับ
วันนั้น ผมทานอาหาร  Set  กันทุกคนครับ  ...   พยายามเลือก Set  ที่แตกต่าง เพื่อจะได้ชิมอาหารหลายๆ อย่าง  .....  มีอะไรอร่อยบ้าง  มาดูกันเลยครับ
















Pan Fried Foie Gras     ..........   ตับห่าน จากฝรั่งเศส ทอดมาแบบสุกกำลังดี  นอกเกือบจะกรอบเลยครับ  ส่วนภายในสุกกำลังดี  ราดมาด้วย ซ้อส   Pear กับ Raspberry และ Balsamic syrub   ...   ซ้อสรสเปรี้ยวอมหวาน  ตัดกับ ตับห่านดีเลยครับ  ....  ส่วนตับห่าน เมื่อเข้าปากแล้ว อธิบายต่อไม่ได้เลยครับ นอกจาก  คราง  ด้วย เสียงเบาๆว่า   ....  โอวววววววววววว  เลยครับ  (รายการนี้ อยู่ใน set  A  และ  B)

Asaragus Soup   ..........    รายการนี้อยู่ในเมนู    soup of the day   .....   ซุปหน่อไม้ฝรั่ง  ...  สีเขียวสวย ไม่ได้สวยอย่างเดียวครับ  อร่อยอีกต่างหากครับ  ...  ซดแล้ว ได้สัมผัส รสหน่อไม้ฝรั่ง ที่ กลมกล่อม และ ชื่นใจ จริงๆ ครับ  (มีอยู่ใน ทุก set ครับ)

Slow-Cooked Lamb Shoulder   .........   เนื้อแกะตุ๋น คล้ายๆสตูว์  เครื่องเทศแบบฝรั่งเศสเข้าเนื้อจนหอม อบอวล กลิ่นหอมลอยมาตั้งแต่อกจากครัวเลยครับ  ...  เนื้อแกะนุ่ม แต่ยังคงเอกลักษณ์ ความเป็นแกะ อย่างเต็มปรี่ ทานกับ  Mashed Potatoes   เข้ากันดีเหลือเกินครับ  (อยู่ใน  Set แรก ครับ)

Plancha of Fresh  Seabrass Fillets   ..........   อาหารจานนี้  ตกแต่งจานมาซะ ต้องหยุดถ่ายรูปก่อนทานเลยครับ  ....  เนื้อปลากระพงสุกกำลังดี ราดมาด้วย ซ้อส  Beurre Blanc   อร่อยจนอยากสั่งเบิ้ล เลยครับ
(อยู่ใน  set แรก ครับ)

Baked Crispy Duck Leg Confit    ..........   ขาและสะโพกเป็ด แบบ ฝรั่งเศส  หมักมาด้วยเครื่องเทศ และ เครื่องปรุงเข้าเนื้อดีครับ ... ทอดมา แบบ กรอบอร่อย ...  กรอบจนตอนผมตักเข้าปากแล้วเคี้ยว เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ  ต้องหันบอกว่า หั่นมาให้ชิมบ้างดิ  เลยหละครับ   5555  
(อยู่ใน  set main A)

Roasted Australian Lamb Rack    ..........    ซี่โครงแกะ คัดขนาด และ ตกแต่ง มาอย่างดี  ย่างมาแบบ  medium ตรงตามที่สั่ง  ....  หอมเครื่องเทศ ที่สั่งตรงมาจากเมือง โพรว๊องซ์ ของฝรั่งเศส  และ โรสแมรี่
ซี่โครงแกะนุ่มอร่อย  ซ้อสที่ราดมาก็เข้ากันดีจังเลยครับ
(อยู่ใน  set mains B)















                         ข้อดีของ Set Menu  แบบนี้ก็คือ  หากเราไปกัน หลายคน  สามารถเลือกสั่งรายการอาหารที่แตกต่างกันได้ครับ   ราคาแต่ละ Set  ของที่นี่ เมื่อเทียบกับ คุณภาพ และ รสชาติ ของอาหารแล้ว  ... ต้องบอกได้คำเดียวครับว่า    " สุดคุ้ม "    ครับ
                          ลองแวะไปลองชิมกันดูนะครับ  ที่     " Le  Beaulieu  "     เชียงใหม่แลนด์  ซอย 7  ...  แนะนำว่าควร สำรองที่นั่งก่อนไปนะครับ  
โทร   053-284-488    ครับ  



แผนที่  ร้านอาหารทังหมดที่เขียนไว้ใน     " แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM





ป๋าปึกส์
24/12/2556

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html







วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ชีวิตธรรมดา .. Chevit Thamma Da ... เชียงราย



ชีวิตธรรมดา  .. Chevit  Thamma Da  ...  เชียงราย














                         เปิดไปในหน้าไหน ใน Facebook  หรือ สื่อออน์ไลน์ทั้งหลาย ... หากมีใครไปเที่ยวเชียงรายมา  ก็จะเห็น ภาพร้านนี้ ปรากฏอยู่เกือบทุกหน้าจอของผู้ที่ไปเที่ยวมา  ...  ผมก็เพิ่งจะไปมาเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาครับ   หากไม่แวะไปร้านนี้  ก็คงต้องตกยุคไปซะหน่อยครับ  ....   " ชีวิตธรรมดา "  ผมเดาว่าหลายท่าน  คงเคยเห็นภาพของร้านนี้   ตามหน้าหนังสือต่างๆ  มากมายครับ  เอาเป็นว่า ช่วงปีที่ผ่านมา หากหนังสือฉบับไหน ไปเชียงรายเมื่อไหร่   เป็นต้องไปถ่ายร้านนี้ทุกฉบับเลยครับ
                        ที่  " ชีวิตธรรมดา "  ไปไม่ยากครับ หากเดินทางออกจากตัวเมืองเชียงราย มุ่งหน้าไปยัง สนามบิน  พอขับรถข้าม สะพานข้ามแม่น้ำกก   ก็จะเจอสี่แยกไฟแดง  ชิดซ้ายเลยครับ  แล้วเลี้ยวซ้ายตรงไฟแดงนั่นเลยครับ   เข้ามาไม่ถึง 200 เมตร   ....  พอถึง ซอยที่ 2 ทางซ้ายมือ   มีป้ายติดอยู่ปากซอยครับ    เข้าซอยมาก็ง่ายแล้วครับ    ขับมาตามป้ายได้เลยครับ

















                        เมื่อมาถึงร้าน  ตั้งแต่หน้าร้านเป็นต้นไป   เป็นการออกแบบภายนอก และ ตกแต่งภายใน  ให้เป็นมุมถ่ายรูป  เพื่อ  Check in  ได้ทุกมุมเลยครับ   ....   ซึ่งผมว่า  ในปัจจุบันนี้  การที่จะทำร้านอะไรซักอย่าง  เพื่อให้ติดตลาดได้เร็ว  คงต้อง ให้ความสำคัญ ในการออกแบบ ตกแต่ง เพื่อให้  คนถ่ายรูปเยอะ แบบนี้แหละครับ  ยิ่ง ถ่ายเยอะ  ...  Post เยอะ  ...  การเติบโตทางการตลาดยิ่งไปได้เร็วครับ  ... ไม่แปลกเลย  ที่ร้านนี้กลายเป็น  ร้านยอดนิยม  ของผู้คนที่มาเที่ยวเชียงราย  ในพริบตา  ...   นิยมกันจน ใครๆ ก็ต้องแวะมาที่นี่   ไม่งั้นเหมือนมาๆไม่ถึง  และ  กลายเป็น    " It's must "     ที่จะต้องมา ร้านนี้ เมื่อมาเที่ยวเชียงราย   ไปซะแล้วครับ
                        ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ ก็มีเพื่อนหลายๆคน ย้ำนักย้ำหนา ว่า ต้องแวะไปให้ได้ ครับ ... ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเท่าไหร่ครับ แต่เมื่อมีคน Post รูปร้านนี้มากขึ้น มากขึ้นทุกวัน ... กลายเป็นว่า ที่นี่กลายเป็น อีกหนึ่งที่ที่จะต้องมาให้ได้ในการมาเที่ยวเชียงรายครั้งนี้ .... การได้เห็นบ่อยๆ การได้รับรู้บ่อยๆ  ช่างมีอิทธิพล ต่อความอยากซะเหลือเกินครับ















                       ผมอ่านหนังสือ และ หาข้อมูล จาก Blog ต่างๆมาก่อน  ก่อนที่จะมาถึงร้านนี้ พอจะทราบว่า   เจ้าของร้านนี้  เคยเป็นแอร์โฮสเตส(อาชีพในฝัน ของสาวๆหลายๆคน)  ... เคยใช้ชีวิตในต่างแดน ชอบสะสมของเก่า ..  แถมยังมีประสพการณ์ด้าน สปา มาด้วย .... ไม่สงสัยเลยครับ ว่า ร้านกาแฟ พร้อม สแน็ค  ร้านนี้ทำไมถึง   มีส่วนนึง ที่ทำเป็น  Spa  ด้วยครับ
                        ที่นี่ออกแบบ ตกแต่งไว้อย่างงดงามลงตัวเลยทีเดียวครับ   ด้วยบ้านไม้สีขาว  ที่ตกแต่งภายใน สีขาว   วางแทรกด้วยเฟอร์นิเจอร์แอนติค  และ ของสะสมส่วนตัวของเจ้าของ  ....  ดู สไตลส์ และ รูปทรงของบ้านแล้ว  ก็คล้ายๆกับบ้านที่อยู่ตาม  เกาะแก่ง   และ  ชายหาดของ ประเทศ ในสแกนดิเนเวีย   ....   ทุกมุม ทุกห้อง สวยเลยครับ
                      














                       หลังจากเพลิดเพลินกับการเดินชมเกือบทั่ว ก็จัดแจงหาที่นั่งก่อนเลยครับ โชคดีที่เราไปถึงตั้งแต่ยังไม่ 11 โมง  เลยไม่ต้องไปคอยแย่งใคร ถ่ายรูปครับ  ...  เราสั่งอาหารมาทาน ไม่มากนักครับ  เพราะมากันตั้งแต่ยังไม่  11  โมงเลยครับ  (กลัวคนเยอะ ครับ)  ....  ทุกมุม ทุกโต๊ะ  ที่จัดที่นั่งไว้  น่านั่ง และ ได้สัมผัสมุมมอง ที่สวยแตกต่างกันไป ครับ
                        วันนี้ ผมเลยให้ ลูกๆ ที่ไปด้วยกัน  เป็นผู้สั่ง  ขนม และ อาหาร แทนผม ครับ ...  ก็ผมมัวแต่เดินชม   มุมโน้น มุมนี้  ถ่ายรูปทั้ง กล้อง และ โทรศัพท์  จนแทบ แบตตารี่ หมดเลยหละครับ
ขนมหลายอย่าง ที่สั่งมา อร่อยใช้ได้ทุกอย่างครับ  (ขออภัย นะครับ ลืมจดชื่อขนมมา)  ....  ส่วนอาหารที่สั่งมาทานเล่น  ก็มี   ...  ซุปหัวหอม   ที่เสิร์ฟมาพร้อม ขนมปังกระเทียม  อร่อยชื่นใจ เหมาะกับอากาศเย็น ริมน้ำกก  ของร้านนี้เลยครับ  ........   สลัดแซลม่อน    ผักสดๆ จากยอดดอย  กรอบเด้ง  เลยครับ  คลุกมาด้วยน้ำสลัดกลมกล่อมดีครับ  ปลาแซลม่อนแผ่นบางๆ  วางบนหน้า อร่อยเข้ากันดีครับ  ......... ซีซาร์สลัด   ผักสดจริงๆครับ  โรยหน้ามาด้วย พามาซานชีสขูด  และ ขนมปังกรอบ พร้อมมะเขือเทศสดกรอบ  น้ำสลัดซีซ่าร์ ก็อร่อยลงตัวครับ  .....   ส่วน ขนม  ผมจำชื่อไม่ได้ครับ  แต่ก็ หวานอร่อยชื่นใจ ทุกจาน ครับ
 















ร้านนี้  เปิดบริการ ทุกวัน  ตั้งแต่   09.00 น.   ถึง    19.00 น.
ลองติดตาม  รายละเอียดของร้านนี้ ทาง  Facebook  ของร้านดูนะครับ
https://www.facebook.com/pages/ร้านกาแฟชีวิตธรรมดาริมกก-เชียงราย

หรือ ดูรายละเอียดใน         www.chivitthammada.com

ร้านนี้ตั้งอยู่ที่    179 หมู่ 2  ซอย ร่องเสือเต้น ซอย 3  ,  ตำบลริมกก , อำเภอเมือง , เชียงราย
โทร     081-984-2925    และ     053-16-6622




ป๋าปึกส์
12/12/2555


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Oyster Bar ที่ ริมปิง Promenada ... เชียงใหม่

Oyster  Bar  ที่   ริมปิง Supermarket   ...  ชั้น 1  ในห้าง  Promenada   ...   เชียงใหม่  


                            หากเอ่ยถึง    " หอยนางรม "   คนไทยเรามักจะคุ้นเคย กับ หอยนางรม ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร  จากชายทะเล ภาคใต้ ซะเป็นส่วนมาก
ใน ประเทศอื่นๆ  ก็มี  หอยนางรม เช่นเดียวกันครับ  และ มีความแตกต่างกัน กับ หอยนางรมบ้านเรา
ทั้ง ขนาด และ สายพันธ์  

หอยนางรม แต่ละแห่ง  ก็จะมี  ขนาด และ รสชาติ  ที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
โดย ขึ้นอยู่กับ สาเหตุหลักๆ ดังนี้ครับ
:  ความแตกต่าง ของ ระดับความเค็มของน้ำทะเล
:  อุณหภูมิ ของน้ำทะเล  
:  คุณภาพ และ ความสอาดของน้ำทะเล
ซึ่งแต่ละความแตกต่าง ของน้ำทะเล  ก็นำมาซึ่ง คุณภาพของอาหาร ที่ หอยนางรม บริโภคเข้าไปเพื่อ ดำรงชีวิต
ระดับความเค็ม ... อุณหภูมิ ของ น้ำ ...  คุณภาพและความสอาดของน้ำทะเล  
ทั้งสามอย่างนี่แหละครับ   ที่ทำให้เราได้สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง  ของรสชาติ หอยนางรม อย่างชัดเจน
เพราะ  หอยนางรม  (OYSTER)   อาศัยอยู่ตามโขดหิน ในทะเลน้ำตื้น บริโภคอาหารประเภท แพลงตอน ในระดับผิวทราย หรือ โขดหินใต้น้ำ 


หอยนางรม   
ดำรงชีวิตอยู่ได้  โดยการดูดน้ำรอบๆตัว  เข้าไปทางด้านนึง  และ ปล่อยทิ้ง ออกอีกด้านนึง  ...  โดยบริโภคอาหาร จำพวก แพลงตอนพืช .. แพลงตอนสัตว์ ที่ล่องลอยอยู่ในน้ำ เป็นอาหารหลัก  และยังดูด  อ๊อกซิเจน เข้าไปพร้อมกันกับน้ำ  

นักทานหอยนางรม  จะไม่นิยมทานหอยนางรม กันใน ฤดูผสมพันธ์ของหอย  ...  เนื่องจากหอยนางรมเป็นสัตว์ ที่มี เพศผู้ และ เพศเมีย ที่แยกกัน  ....  ในช่วงฤดูผสมพันธุ์  หอยตัวเมียจะปล่อยไข่  และ หอยตัวผู้ จะปล่อยน้ำเชื้อออกมาผสมในน้ำ  ทำให้รสชาติ  ,  ความสมบูรณ์  และ คุณค่าของอาหาร ในหอยนางรม  นั้น ลดด้อยลงไป














วันนี้ ที่เชียงใหม่  เราไม่น้อยหน้าเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ  ในเรื่อง การรับประทาน  หอยนางรม  อีกต่อไปแล้วครับ
" OYSTER  BAR "  ...  มาเปิดบริการให้ ชาวเชียงใหม่  ได้ลิ้มรส หอยนางรม สดๆ ที่นำเข้ามาแบบ  สดๆ เป็นๆ จากทั่วทุกมุมโลก  ทั้ง  ยุโรป .. ออสเตรเลีย .. นิวซีแลนด์ .. อเมริกา .. ญี่ปุ่น .. ฯลฯ
" Oyster Bar "   ตั้งอยู่ใน  ริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต   ที่ชั้น 1  ในศูนย์การค้า   Promenada  
ใกล้แยกดอนจั่น  ที่เพิ่งเปิดใหม่ เมื่อกลางปีนี้เองครับ
ลักษณะร้าน  จัดวางเป็น  ที่นั่งรอบๆ ตู้แช่หอยนางรม  และมี โซนที่เป็นโต๊ะ ให้นั่งรับประทานอยู่  7-8 โต๊ะ  ...  อยู่ตรงมุมด้านซ้ายของทางเข้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ครับ
ที่นี่มี  หอยนางรม สดๆ เป็นๆ  ที่นำเข้ามาเกือบ   20 ชนิด จากทั่วโลก
แต่ละชนิด จะมี ป้ายบอกพันธุ์ หอยนางรม  พร้อม ราคาขาย   ติดอยู่หน้าตู้    ให้ได้เลือกสั่งทานได้ตามใจชอบเลยครับ  
เมื่อสั่งหอยนางรมแล้ว  เชฟก็จะ  แกะหอย  กันให้เห็นกันตรงนั้นกันเลยครับ   แล้ววางลงบนจานที่มี น้ำแข็งบด ละเอียดรองมา  เพื่อให้ได้ความเย็นที่สม่ำเสมอ  
เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้ม 2 ชนิด  ...  หอมแดงซอยในน้ำส้มสายชูหมัก  ... ซ้อสน้ำจิ้มสามรส  และ  มะมาวฝรั่งหั่นเป็นชิ้นให้บีบได้พอดีมือ

เวลาที่เชฟ แกะหอย ออกมาเสิร์ฟ เค้าจะระมัดระวัง ประคับ ประคอง ไม่ให้น้ำ ที่อยู่ในหอยนางรม หก ออกมาจากเปลือกหอย  ...  น้ำที่อยู่ ในเปลือกหอยนางรม นี่แหละครับ  นักทานหอยเค้าว่ากันว่า เป็นของอร่อยเลยครับ
เพราะหอยเหล่านี้ เมื่อจับหอยนางรม  ขึ้นมาจากน้ำทะเล  ... เค้าจะเอาลงใน ถังน้ำแข็งทันทีครับ  แล้วจัดส่งไปยังผู้สั่งซื้อในประเทศต่างๆ  ความเย็นของน้ำแข็ง ทำให้หอยนางรมมีชีวิตอยู่ได้ จนวางขายเลยหละครับ  ....  อย่าเททิ้งนะครับ  นั่นแหละครับ คืออาหารของหอยนางรม  ที่สลบอยู่โดยไม่ได้ทาน เพราะสลบด้วยการถูกช๊อค จากความเย็นของการแช่น้ำแข็ง ครับ
สำหรับผม เวลาผมทานหอยนางรม  ผมไม่ค่อยชอบใส่ ซ้อส เท่าไหร่ครับ  ...  ผมเอา มะนาวฝรั่ง ลูกเหลืองๆ   บีบลงไปนิดนึง ใส่เกลือหน่อยนึง   เหยาะ ซ้อสทาบาสโก้ ซัก 3-4 หยด
รับรองครับ  อร่อยแบบ  ร้อง โอวววววววววว  ... กันเลยทีเดียวเชียวครับ

                                                                     












ที่  Oyster  Bar  มีหอยนางรม ให้เลือกหลายชนิดเลยครับ
ผมมี หอยนางรม ของที่ร้านนี้   ที่ผมชอบ  มาแนะนำให้ลองสั่งทานครับ

Kumamoto  (คูมาโมโต)   .........  หอยนางรมตัวเล็กมากครับ  ... เนื่องจาก หอยพันธ์นี้ เติบโต ช้ามากครับ ..  หอยชนิดนี้ ปัจจุบันเลี้ยงกันตาม ชายฝั่งทะเลตอนบน ของ แคลิฟอร์เนีย  ..  โอเรกอน และ วอชิงตัน ครับ  ....  เป็น หอยนางรม ที่เพิ่ง  สร้างตลาด และ เพิ่งได้รับความนิยม  มาไม่นานนี้เองครับ  .
" คูมาโมโต "   ...  ตัวเล็กแต่ ให้กลิ่น และ รสชาติอร่อยเต็มปากเต็มคำ ดีครับ  ...  เวลาทานจะได้กลิ่น คล้ายๆเนย และ มีรสชาติออกเค็มนิดๆ  มีรสหวาน ของเนื้อหอย แทรกออกมา คล้ายๆกับรสผลไม้
ความจริง หอยนางรมชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่  เกาะคิวชู  ประเทศญี่ปุ่น  แต่ ได้สูญพันธ์ไ ปจากชายฝั่งของญี่ปุ่น ไปนานแล้ว
แต่โชคดี ที่มีผู้เอาไปเพาะพันธ์ไว้ ใน อเมริกา  ...  ปัจจุบัน รัฐบาลญี่ปุ่น ได้ทำเรื่อง ขอพันธ์หอยนางรมชนิดนี้ เพื่อกลับไปเพาะพันธ์ใหม่
หอยพันธ์นี้  นี่แหละครับ จานโปรดสุดๆ ของผมเลยครับ  ... แค่บีบมะนาว เหยาะ  Tabasco ซัก 2-3 หยด ก็อร่อย ฝุด ฝุด  แล้วครับ

Fines de Claire   (ฟินเดอร์แคลร์)    ..........   หอยนางรม ยอดนิยม ที่มีขายตามโรงแรม และ ร้านอาหารฝรั่งทั่งไป   เป็นหอยขนาดกำลังดี จากชายฝั่ง นอร์มังดี  ของประเทศฝรั่งเศส  ...  ด้วยชายฝั่งนี้ หันหน้ารับน้ำทะเลจากมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ โดยตรง  ...  น้ำทะเลทางด้านนี้เย็น และ อุดมไปด้วยแพลงตอน  ... ทำให้หอยพันธืนี้ มีรสหวานนิดๆในตัว  กลายเป็นหอยยอดนิยม ในฝรั่งเศส และ เกือบทั่วโลก  ....   ทานกับน้ำจิ้ม หอมแดงซอยใน น้ำส้มสายชูหมัก  ตามด้วย ไวน์ขาวซักแก้ว รับรอง อร่อยสดชื่นเลยครับ  ...   ที่ต้องมาทานที่  Oyster  Bar   ที่ริมปิง  ก็เพราะ ที่นี่เค้าเป็นผู้นำเข้ามาเอง สดๆ ทุกอาทิตย์ นี่แหละครับ

 New Zealand Pacific Oyster    ..........   หอยนางรมที่มีชื่อเสียงของ  นิวซีแลนด์  ... เป็นหอยนางรมประจำถิ่น ที่อยู่ใน ทะเล และ สิ่งแวดล้อมที่มี ความสอาดและเป็นธรรมชาติ ที่สุดแห่งนึง ของ โลก    ...  ทำให้ หอยนางรม ชนิดนี้   มีคุณค่าทางอาหารสูง  เนื้อหอยมีความอวบอูม  มีรสเค็มอ่อนๆ นำหน้านิดหน่อย  ... หอยชนิดนี้ แค่ บีบมะนาวฝรั่ง อย่างเดียวก็อร่อยแล้วครับ

ที่  Oyster Bar  แห่งนี้ ยังมี หอยนางรมอีกเกือบ 20 สายพันธุ์   เช่น  Tasmanian Native Flat Oyster  ..  Barron Point  ..  Belon oo (เบลอน ดับเบิ้ลโอ)  ..  Eagle Rock  (อีเกิ้ล ร๊อค)   ฯลฯ  
ให้ได้เลือกลองลิ้มชิมรส ได้ตามสบายเลยครับ  ...  แต่ละชนิดมีราคาติดอยู่หน้าตู้โชว์  ราคาเริ่มต้น ตั้งแต่ ตัวละ 100  บาทขึ้นไป  ....  ผมว่าไม่แพง และ คุ้มค่ากับความสด ครับ













นอกจาก หอยนางรมสดๆ ที่นำเข้ามาแล้ว  ก็ยังมีอาหารอย่างอื่นให้ได้ลิ้มลองกันด้วยนะครับ  
มีหลากหลายเมนู  ที่ เท่าที่เห็นแล้ว  น่าจะอร่อยเลยครับ  อีกหลายอย่างเช่น
หอยหลอดอบ  .. ล๊อปส์เตอร์  ..  ซุป ..  และ อีกหลายๆอย่าง  
แต่ต้องเรียนว่า ผมยังไม่ได้ชิม รายการอื่นมากนักครับ  เพราะมัวแต่ ไปหลงไหล  หอยนางรม ที่มีให้ผมเลือกทานได้จากทั่วโลก เลยครับ
และ ที่  Oyster  Bar  เค้ามี  Wine  และ   Sparkling Wine  ไว้ให้สั่ง แกล้มกับหอย หลายชนิดเลยครับ
แต่ที่  เด็ดสุด ก็คงจะเป็น  ที่ เราสามารถไปเดินเลือกไวน์ ชนิดต่างๆ ที่ขายอยู่ใน ริมปิง Supermarket   ที่มี  ไวน์  ทั้งแบบ  แช่เย็นอยู่ในตู้ และ วางอยู่ตามชั้น ... ให้เราได้เลือกซื้อ  ชนิดและราคา ตามที่ชอบแล้วเดินไปจ่ายเงินที่  แคชเชียร์ ... แล้วให้เค้าเอามาส่ง ที่  Oyster Bar  ได้เลย
โดยไม่ต้องมาจ่ายค่า  เปิดขวด   ให้รำคาญใจ ครับ
สำหรับ  ริมปิง สาขานี้ เปิดบริการกันตั้งแต่  08.00 น.    -  21.00 น.  ทุกวัน ครับ 
ส่วน  Oyster Bar  ผมไม่ได้ถามมาว่า เปิดกี่โมง  แต่น่าจะเปิดตั้งแต่  มื้อกลางวัน เป็นต้นไป
ลองแวะ ไปชิมกันดูนะครับ  .....  ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับ คุณภาพ และ ความสด ครับ


แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมด ที่เขียนไว้ใน    " แนะนำรานอาหารอร่อยโดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM 



ป๋าปึกส์
22/11/2556  

ขอแนะนำ  ร้านอาหาร ร้านโปรด ของผู้เขียน  
http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku.html
http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html


วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

โจ๊กศรีพิงค์ ... กาดต้นพยอม ... เชียงใหม่

โจ๊กศรีพิงค์  ...  กาดต้นพยอม  ...  เชียงใหม่


                            " โจ๊ก "   เรียกเป็น ภาษาอังกฤษว่า  Congee   มีรากศัพท์มาจาก คำว่า  Kanji  (ซึ่งเป็น ภาษาอินเดีย)   ...   ส่วน  ที่ในบ้านเราเรียกกันว่า  " โจ๊ก "  ก็เพราะเป็นการเลียนเสียงมาจาก  ภาษากวางตุ้ง  ที่เรียก โจ๊กว่า   " จุ๊ก "  (粥 dzuk)      (ขอบคุณ ข้อมูล จาก  วิกีพีเดีย)
                            " โจ๊ก "    เป็น ข้าวต้มชนิดนึงที่ใช้ ปลายข้าวต้มจนเละ  ...  มีต้นกำเนิดมาจาก ประเทศจีน  ...  นิยม รับประทานกันในหลายๆประเทศในเอเชีย  โดยเฉพาะ ประเทศที่มี คนเชื้อสายจีนอาศัย และ ตั้งรกรากอยู่  ...  โจ๊ก เป็นอาหารที่รับประทานกันเป็น อาหารเช้า  หรือ อาหารมื้อค่ำ
คนจีน ในประเทศจีน  จะไม่นิยมทาน โจ๊ก ในเทศกาลตรุษจีน  เพราะมีความเชื่อว่า  การทานโจ๊ก  ในวันตรุษจีน เปรียบเหมือนกับ การขัดขวางไม่ให้ตัวเอง ร่ำรวย
เนื่องจากในอดีต  โจ๊ก เป็นอาหารของคนจีน ที่มีฐานะไม่ค่อยดี















                            วันนี้ ขอแนะนำ ร้านโจ๊กเก่าแก่ อีกร้านนึงของเมืองเชียงใหม่ ครับ  ...  ความที่ผมเป็นคนที่ ตื่นเช้าจนเป็นนิสัย  และ ทานอาหารเช้าเป็นอาหารหลักทุกเช้า  แถมยังชอบไปเดินตลาดเกือบทุกเช้าอีกต่างหาก  ....  ทุกเช้าก็เลยต้องตระเวนหา อะไรทานเพื่อไม่ให้ซ้ำกับร้านที่เคยไป  อยู่เป็นประจำครับ   .....    ร้านโจ๊ก ศรีพิงค์ เป็นร้านที่ผมทานมานมนานกว่า  10 ปีแล้วครับ  ผมมาทาน โจ๊ก ร้านนี้มาตั้งแต่  ร้านนี้ยังเปิดเป็น ห้องแถวคูหาเดียว  อยู่ปากซอย  ทางด้านซ้ายมือ  ของทางเข้า กองบิน 41  ด้านตลาดต้นพยอม ครับ  (ร้านแรกจากปากซอย ทางเข้า กองบิน  41)
                             บ้านผมอยู่กลางทางระหว่าง 2 ตลาดครับ   ตลาดต้นพยอม และ ตลาดธานินทร์  ... ด้วยความที่เป็นคนชอบไปตลาด  ตอนหลังๆ  ก็เลยไปเดินที่ ตลาดธานินทร์ บ่อยกว่า  คงเป็นเพราะ ร้านค้าในตลาดที่  ตลาดธานินทร์ เค้าตั้งร้านกันตั้งแต่ยังไม่สว่างเลยครับ  ส่วน ที่ตลาดต้นพยอม จะตั้งร้านกันสายหน่อย  ...   ผมเลยห่างหายไปจาก ตลาดต้นพยอม  ไปนานเลยทีเดียวครับ   ...   มาเมื่อวานนี้ นึกขึ้นได้ว่า   ผมยังไม่ได้แนะนำ โจ๊ก ร้านเก่าแก่ ที่ผมเคยทานเกือบทุกเช้า เมื่อหลายปีก่อน  ...  เมื่อวาน  ก็เลยตรงไป   ร้านโจ๊กศรีพิงค์ แต่เช้าเลยครับ















                               เสน่ห์ของร้านนี้ที่ นอกจากมีอาหารอร่อยแล้ว  บุคลิก อัธยาศรัย  ของเจ้าของร้านทั้ง 2 คน เป็นกันเองและ น่ารักดีครับ  ...  ร้านนี้ มีรายการอาหารมากมายเลยครับ   จำมาเขียนแทบไม่ไหวเลยครับ   มีรายการอาหารติดอยู่ตามผนัง ข้างฝา ให้ดูและเลือกสั่งได้ตามชอบใจครับ   ....  แต่ต้องขอบอกว่า ผมเคยทานแค่ 2 อย่างเท่านั้นนะครับ   ...  ก็ทานแต่ที่ผมชอบทาน นั่นแหละครับ

โจ๊กหมูสับ - ตับ ใส่ไข่   .........   จานนี้ขนาด  ผมไม่ได้ไปร้านนี้มานานนับปี  ไปถึงน้องๆ ยังจำได้เลยครับ  ว่าชอบสั่งอะไร (สมัยก่อนไปทานอาทิตย์นึง 3-4 ครั้งเลยทีเดียวครับ)  ....  หมูสับ เป็นหมูล้วนๆ  นุ่มมีรสชาติดี  ... ตับ  ต้องชมเลยครับ   ร้านนี้ลวกตับ ได้สุกกำลังดีเลยครับ  ...  ส่วน ไข่ ที่ตอกใส่มาในโจ๊ก  ก็เป็น ไข่ไก่ที่ลวกมาสุกพอดีเช่นกันครับ  ...   ส่วน  โจ๊ก  เค้าเลือกใช้ ปลายข้าว ของข้าวหอมมะลิใหม่  ที่เมื่อเคียวจนเละแล้ว   จะมียางข้าว จากปลายข้าว ที่ได้รสชาติอร่อยกว่า ปลายข้าวธรรมดา เยอะเลยครับ

เกาเหลาเลือดหมู   .........   สมัยก่อนต้องใส่ทุกอย่างครับ  พอแก่ตัวขึ้นมา เมื่อตัดถุงน้ำดีออกไป ก็ต้องพยายาม เลือกส่วนที่ย่อยง่าย  มากขึ้นครับ  ...  เดี๋ยวนี้ก็เลย ต้องงด กระเพาะ กับ ลำไส้ ออกจากรายการเกาเหลาเลือดหมู ของผมครับ  ....   น้ำซุปจากเกาเหลา ต้มกระดูกมาจนหวานแบบสัมผัสได้ว่า ไม่ได้ใส่น้ำตาลครับ  ... เครื่องใน  ไหลน้ำ มาอย่างดีครับ  (การไหลน้ำ เป็นวิธี ล้างเครื่องในสัตว์ ของคนจีนในสมัยโบราณ   ที่ จะล้างเครื่องใน ด้วยการทำความสอาด ด้วยการคลุกเกลือจนทั่ว แล้ว เหยาะเหล้าจีนไปนิดนึง  วางเครื่องในใน กาละมัง แล้วเปิดน้ำให้ไหลล้นกาละมังไปเรื่อยๆ  ประมาณ ครึ่งชั่วโมง  ตามแบบฉบับ ของเมืองกวางตุ้ง)  
เกาเหลา  เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มพริกตำ   ที่แค่ตักลงในชามเกาเหลา แล้ว เหยาะซีอิ๊วขาว  ซักนิดนึง  โขยกพริกไท ลงไป (ที่ผมบอกว่า โขยก ก็เพราะผมชอบใส่ เยอะๆ ครับ .. 5555)  ...  ทานกับข้าวสวยร้อนๆ   แล้วเอาน้ำปลากับ พริกป่น ลงไปใส่ในถ้วยน้ำจิ้มพริกตำที่เหลืออยู่    เอาไว้จิ้มกับเครื่องใน  .... โอววววว  .. เด็ดจริงๆ ครับ
















                           ร้านนี้ อยู่บน ถนนสุเทพ  (ถนนที่ผ่านหน้า โรงพยาบาล และ วัด สวนดอก ครับ)  ..  ถ้ามาจากประตูสวนดอก  ขับเลยไฟแดงที่ ปากทากเข้า กองบิน 41  แล้วหาที่จอก  หรือ จะเลี้ยวซ้าย เข้าไปจอดปากทางเข้ากองบินก็ได้ครับ  ...  ร้านนี้อยู่ ที่ตึกแถวปากซอยเลยครับ
มีป้ายเวลาเปิดปิด ที่เขียนไว้ที่ร้านว่า      17.00 น.   ถึง   13.00 น.    ....   อ่านแล้วอย่าเพิ่ง งง นะครับ  ตอนผมเห็นตอนแรกก็ งง เหมือนกันครับ  แปลง่ายๆว่า  เค้าเปิดทั้งวัน ยกเว้น หลัง บ่ายโมง ไปจนถึง 5 โมงเย็น นั่นแหละครับ  (ปิดให้พักผ่อน และ เคลียร์ร้าน บ้างครับ)
ไปไม่ถูก    โทรไปสอบถามได้นะครับ     053-275-661  ,   081-531-3026  ,  081-746-0459  
ลองแวะไปชิมกันดู นะครับ




แผนที่ร้านอาหาร ทั้งหมด  ที่ผมเขียนแนะนำไว้ใน    " แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM





ป๋าปึกส์
16/11/2556  

ขอแนะนำ  ร้านอาหาร ร้านโปรด ของผู้เขียน  
http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku.html 
http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html 




วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ข้าวต้ม ปฐม ... หน้า ราชภัฏฯ ... เชียงใหม่

" ข้าวต้ม ปฐม "   .....  ฝั่งตรงข้าม  ม.ราชภัฏฯ   (ช้างเผือก)  .....  เชียงใหม่



เห็น ชื่อร้าน  ข้าวต้มร้านนี้ แล้วให้ทายว่า  ..  เจ้าของร้านเป็นคนจังหวัดอะไร ?
คงทายถูกกันหมดทุกคน แน่นอนครับ
เจ้าของร้านเป็น ชาวนครปฐม ครับ
ย้ายมาตั้ง รกราก ที่เชียงใหม่ มายาวนานกว่า 30  ปีแล้วครับ  ...  นานจน พูดภาษาเมือง ได้ชัดเจนกว่า ภาษาไทย สำเนียงนครปฐม ซะอีกครับ
ตอนที่ย้ายมาจากนครปฐม ใหม่ๆ  ...  ก็มาเปิด ร้านขายก๋วยเตี๋ยว และ อาหารตามสั่ง ที่ตึกแถวตรงนี้นี่แหละครับ  ...  ตอนเปิดมาซักระยะนึง  ก็ไม่ค่อยประสพความสำเร็จเท่าไหร่ครับ  ...  เลยเปลี่ยนแปลงความคิดใหม่  และ  เริ่มขายข้าวต้มตอนเช้าแทนครับ
ขายข้าวต้มกับ ที่มีกับข้าวไม่มากอย่างนักครับ  ... แต่ กับข้าวแต่ละอย่าง อร่อยถูกปาก คนเมือง จนกลายเป็นหนึ่งใน ร้านยอดฮิต ติดตลาด
จากห้องแถวเล็กๆ หนึ่งห้อง  ขยายเป็นเรือนหลังคาสูง  กว้างใหญ่ โปร่งโล่ง สดวกสบายเลยครับ



















ร้านข้าวต้ม ปฐม  ... หาง่ายมากครับ   อยู่ฝั่งตรงข้าม ม.ราชภัฏ ตรง ช้างเผือก นี่เองครับ
เปิดขาย   ตั้งแต่   07.00 น.   จนถึง   14.00 น.
หยุด ทุกวันพุธ  


ร้านนี้มีรายการอาหารไม่มาก  แบ่งเป็นประเภท ดังนี้ครับ

ผัก      ..........   จับฉ่าย  ..  ผัดมะเขือยาว
พะโล้  ..........  มีให้เลือกสั่ง  ทั้ง  ขาหมู .. กระเพาะ  ..  ไส้  ..  ลิ้น  ..  เลือด  และ เต้าหู้
ทอด    ..........  กุนเชียง  ..  หมูเค็ม  ..  ไก่คั่ว
ต้มจืด  .........   มะระ  ..   สาหร่าย
อื่นๆ     ..........   ไข่เค็ม  ...  ผักกาดกระป๋อง

วันอาทิตย์  มีรายการพิเศษ  เพิ่มเติมอีกหนึ่งอย่างครับ   ....   เห็ดหอมตุ๋น

ง่ายดีนะครับ  ...  มีอาหารแค่นี้  ทำไมถึงขายดี ?
ตอบแบบ สั้นๆ ได้เลยครับ    ว่า   " ต้องอร่อยเท่านั้นครับ "

















ส่วนอาหารจานเด็ด ที่ผมแนะนำ   (เลือกเอาตามที่ผม ทานประจำ แล้วกันนะครับ)

จับฉ่าย   ..........    จับฉ่าย สีอ่อน (ปรกติ ตามร้านข้าวต้ม ทั่วไป  จับฉ่ายจะสีเข้ม  มักใส่น้ำพะโล้ หรือ บางแห่งก็ชอบใส่ ซีอิ๊วดำ)   ...  ที่บอกว่า สีอ่อน ก็คงเป็นเพราะ  ส่วนนึงคือ การเลือกใช้ผักของที่นี่ด้วยครับ  โดยผักส่วนใหญ่ที่ใช้ใน จับฉ่าย ของที่นี่ จะเป็น ผักสีขาว  เช่น  กระหล่ำปลี และ ผักกาดขาวเป็นหลัก  แทรกมาด้วยผักใบเขียว บ้างเล็กน้อย
ต้มมากับน้ำต้มกระดูก  จนผักสุกนุ่มกำลังดี   รสชาติ น้ำซุป ในจับฉ่าย ร้านนี้ อร่อยสุดยอดครับ
ทั้งน้ำต้มกระดูก และ นำผักที่ออกมาตอนต้ม  ...  หวานอร่อยเลยครับ
ที่เด็ดที่สุด ของจานนี้  คงต้องยกนิ้วให้กับ  " หนังหมู "    ครับ
" หนังหมู "    ที่ หาทานยากขึ้นทุกวัน  ...  ต้มจนเปื่อย ใส่มาในจับฉ่ายด้วยครับ
ผมไปทีไร  ก็ต้องสั่ง  จับฉ่าย ส่วนตัว 1 ชาม ใส่หนังหมูเยอะๆ ทุกเที่ยว ครับ (ไม่ให้ใครแย่ง)   ...   ทานกับน้ำจิ้ม  สามรสพริกตำ   ที่วางในถ้วยใหญ่ บนโต๊ะทุกโต๊ะ   ...  อร่อยสุดๆ ครับ


พะโล้
  ............    มีตัวเลือก  ให้เลือกมากมาย  ครับ
ทั้ง   เต้าหู้  ..  ลิ้น  ..  เลือด  ..   ขาหมู .. กระเพาะ  ..  ไส้  ..  ฯลฯ
ชอบ หรือ อยากทานอะไร ก็เลือกสั่งเอาได้หมดเลยครับ    
แต่ที่  ทีเด็ด  และ  ผมไม่เคยพลาดเลย  ก็ต้อง
เด้าหู้ พะโล้  ...  เต้าหู้ขาวเอามาทอด ผิวสีสวย  แล้วต้มในน้ำพะโล้  เต้าหู้เนื้อแน่ แต่นุ่ม ทานง่าย และ ที่สำคัญ ก็คือ  เต้าหู้ ที่เอาไปตุ๋นพะโล้  จะดูดเอารสชาติ ของน้ำพะโล้ เข้าไปในเนื้อเต้าหู้ด้วย ...  เหยาะน้ำจิ้มของร้านนี้ ลงไปหน่อย  ...  โอวววว  ...  หร๋อยจั่งหู๋  
 (จานนี้ อย่าพลาด  อร่อยมากครับ ...  อ้อ ราดน้ำจิ้ม ด้วยนะครับ)
ลิ้น พะโล้  ...   ลิ้นหมูหั่นมาเป็นแผ่นๆ พอดีคำ  ต้มกับน้ำพะโล้ จนนุ่มทานง่าย  .. เด็ดมากครับ
เลือด พะโล้  ...   เลือดหมูหั่นเป็นแผ่น พอดีคำ  เสิร์ฟมาพร้อมน้ำพะโล้ แบบ คลุกคลิก  อร่อยดีครับ
ขาหมู   ...  ขาหมู สับเป็นชิ้นๆ พอดีคำ เนื้อนุ่ม หนังเด้ง  ...  รสกลมกล่อม อร่อย ครับ   ครับ















หมูเค็ม  ..........   หมูเค็ม  ที่หมักมาแบบเค็มกำลังพอดีเป๊ะ สำหรับข้าวต้ม  
ทอด มาแบบ ด้านนอกสุกเกรียม แต่ไม่ถึงขนาดไหม้   ...  เนื้อใน ขาวจั๊ว  ...  ตัดกับบรสเค็มในเนื้อหมู
แค่วาง บน ช้อนที่มี ข้าวต้ม ร้อนๆ พูนๆ ช้อน  ...  อร่อยจน ครางออกมาว่า  .. แม่เจ้าโว๊ย  เลยทีเดียวครับ

มะเขือยาวผัด   ..........   มะเขือยาว  ที่ผัดมาแบบ เอาใจวัยโจ๋  ....  เคี้ยวง่าย  รสชาติกลมกล่อม ออกจะแอบ จัดจ้าน  ด้วยกลิ่นและ รสชาติ คล้ายๆ กระเพรา แทรกมาเล็กน้อย


ไก่คั่ว   ...........   ไก่คั่ว  เกลือ กับ กระเทียม  ...  หั่นมาแบบ พอดีคำ  ...  เนื้อไก่ทอดมาแบบ นุ่ม และ ไม่กระด้าง  ..  กลิ่นหอมยั่วยวน  น่าทาน  ....  รสชาติเค็มนำหน้าเล็กน้อย    ...  ทานกับข้าวต้มร้อนๆ  ที่เป็นยาง  .....   โอวววววววววว   เข้ากันดีจัง ครับ

น้ำจิ้ม   ..........    น้ำจิ้มในถ้วยใหญ่ มีช้อนตักและฝาปิด  รักษาความสอาดอย่างดี  วางอยู่บนโต๊ะ ทุกโต๊ะเลยครับ  ...  รสชาติน้ำจิ้ม ร้านนี้เด็ดจริงๆครับ  คล้ายๆน้ำจิ้มสามรสตามร้านอาหารทะเล  แต่ไม่ใช่ครับ ...  รสชาติมีอมหวานมากกว่าน้ำจิ้มทะเล  แต่ขอบอกว่า  อร่อยและเข้ากับอาหารทุกจาน ที่มีในร้านยเลยครับ  ...  ไม่สงสัยเลยว่าทำไม เค้าถึงวางน้ำจิ้มถ้วยใหญ่ๆไว้บนโต๊ะ  ... ก็ผมเองยังตักเติมน้ำจิ้ม ไม่ต่ำกว่า  4-5 เที่ยวเลยครับ

ข้าวต้ม   ..........   ข้าวต้มร้านนี้   เค้าเลือกข้าวใหม่ อย่างดี ต้มจนยางข้าวออก  อร่อยจริงๆ ครับ









ร้านนี้  มีรายการอาหารหลายอย่าง  เลยครับ  ....   แต่ผมเรียนตามตรงครับ  ผมทานยังไม่ครบทุกอย่างเลยครับ  ...  คงจะเป็นนิสัยส่วนตัวมากกว่านะครับ   ที่ไปร้านไหน  ชอบเมนูไหน ก็ทานอยู่แต่ เมนูนั้นทุกเที่ยว    (แต่ก็มีแอบตักชิม ของที่คนอื่นสั่งทาน อยู่เป็นประจำเหมือนกันครับ)
ยังมีอีกหลายรายการ   ที่เพื่อนๆ ผมบอกว่าอร่อยไม่แพ้กัน

ลองแวะไปชิมกันดูนะครับ
ร้านนี้หาง่ายครับ   ตรงกันข้ามกับ ม.ราชภัฏฯ  ที่ถนนช้างเผือก
เปิดบริการทุกวัน  เวลา   07.00น.   ถึง   14.00น.
โทร    053-219-655      และ      053-410-002







แผนที่   ร้านอาหารทั้งหมด ที่เขียนแนะนำ  ใน     " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM





ป๋าปึกส์
8/11/2556


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html


ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun



วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เกียรติโอชา ... ข้าวมันไก่ ... เชียงใหม่

เกียรติโอชา  ... ข้าวมันไก่  ข้าง ศาลากลางเก่า  ... กลางเมือง  เชียงใหม่  



                                 หากคุณมาเที่ยวเชียงใหม่  ... แล้วอยากทาน  " ข้าวมันไก่ "   ...  แล้วลองไปถาม คนเชียงใหม่ ที่อายุ ขึ้นเลข 4 นำหน้า ว่า
" จะไปทาน ข้าวมันไก่ ที่เชียงใหม่  แนะนำว่า ควรไปทานร้านไหนดี ?  "
" เกียรติโอชา "  ...  น่าจะเป็น คำตอบ ที่ผมมั่นใจว่า  ...  ติดอยู่ใน  List  ต้นๆ  1 ใน 5 อันดับ แรก ของการแนะนำ แน่นอน ครับ
ที่มั่นใจอย่างงั้น  คงเป็นเพราะ  ความที่เป็น ร้านข้าวมันไก่ เก่าแก่ ที่เปิดมานานกว่า 50 ปีแล้วครับ  จนคนรุ่นเกินวัยนี้ขึ้นไป น่าจะเคยไปลิ้มรส กันมาหมดแล้ว
















                                 " ข้าวมันไก่ "  ....  หนึ่งในอาหารจานเดียวยอดนิยม  ที่รับประทานกันได้  ตั้งแต่มื้อเช้า ไปจนถึง มื้อดึก กันเลยทีเดียวครับ  ...  เป็นอาหารที่ ไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง  ความเชื่อ  หรือ  การนับถือ  หรือ  กลิ่นสาบ ของเนื้อสัตว์   เหมือนเช่น  อาหารเนื้อสัตว์ ประเภทอื่นๆ เช่น  เนื้อหมู  หรือ  เนื้อวัว
ฉะนั้น  คนที่ชอบทาน  ข้าวมันไก่  ก็เลยโชคดีกว่า คนที่ชอบทาน อาหารประเภท เนื้อสัตว์ ชนิดอื่นๆ  ...  จีงสามารถหา ทานได้ ไม่ยาก  ไม่ว่าเวลาที่จะเดินทางไป จังหวัดไหนๆ  ของ ประเทศไทย หรือ  แม้กระทั่ง  ในทวีปเอชีย ของเรา  ก็มีให้ทานกันเกือบทุกประเทศ กันเลยก็ว่าได้
                                " ข้าวมันไก่ "   ...  มีถิ่นกำเนิด  และ ได้รับการเผยแพร่  มาจาก    " ชาวจีนหลี "      ชนชาติที่เป็นต้นตำรับ ในการทำข้าวมันไก่     ...   " งง "  หละซิครับ  .....  " ชาวจีนหลี "   ไม่ใช่ มนุษย์ต่างดาว หรือ  ชาวจีน ที่เจ้าชู้  ที่ไหนเลยครับ  
แท้จริง ก็คือ   ชาวจีนเชื้อสาย  ไหหลำ  หรือ  ไห่หนาน  นั่นเองครับ  
ไม่ว่าเวลาที่เราไป  ร้านข้าวมันไก่  ร้านไหน  ,  เมืองไหน  ,   ประเทศไหน   ที่มี   " ไก่ตอน ผิวสวยมัน  เนื้อนุ่ม และ เหนียวกำลังดี "    และ ข้าวมัน ที่หุงแบบไม่มันมากเกินไป  และ รสชาติหอมอร่อย  แล้วละก็   สันนิฐานไปก่อนได้เลยครับ ว่า  เจ้าของร้าน หรือ พ่อครัว ของร้านนั้น  ต้องมีเชื้อสาย ของ  ชาวไหหลำ  แน่นอนครับ
ร้านเกียรติโอชา  ...  ก็เป็นอีกร้านนึง ที่เป็น ข้าวมันไก่  สูตรไห่หนาน  แท้ๆ เช่นกันครับ

















                              ร้านนี้เปิดขายกัน ตั้งแต่เช้าตรู่เลยครับ  ประทาณ 6 โมงเช้าก็ตั้งโต๊ะ เตรียมร้าน เสร็จ พร้อมขายแล้วครับ  ...  เป็น ร้านข้าวมันไก่ ที่มี ฝรั่งมังค่า ไปทานเยอะที่สุดในเชียงใหม่ ก็ว่าได้ครับ  .. ก็อย่างที่บอกว่า  เปิดมายาวนานกว่า 50 ปี  ...   จนเดี๋ยวนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้ง จีน  แขก  ฝรั่ง  ได้บรรจุ  ร้านนี้ อยู่ในรายการท่องเที่ยว ของตัวเอง ให้เป็น หนึ่งในร้านอาหารที่ ต้องแวะมาลิ้มรส เวลามาเที่ยวเชียงใหม่  กันเลยทีเดียวเลยครับ

ไก่ตอน  ..........   มีให้เลือกสั่ง ทั้งแบบ  ข้าวมันไก่  ที่ เสิร์ฟมาพร้อมไก่สับ วางบนข้าวมัน  และ  เนื้อไก่สับเป็นจาน  (มีทั้ง เล็ก กลาง ใหญ่)   ....   เลือกส่วนของไก่  กันได้ครับ  ไม่ว่าจะเป็น สะโพก , หน้าอก , น่อง  ฯลฯ   รวมไปถีง เครื่องใน และ เลือด  .... เนื้อไก่ นุ่ม และ เหนียวนิดๆ  ตามสไตลส์ไห่หนาน   ...  แต่ที่ร้านนี้  เค้าไม่มี เสิร์ฟ แตงกวา มาเคียงข้างไก่ และ ข้าวมันไก่ เหมือนร้านอื่นๆ นะครับ  ... ผมเองก็ไม่ทราบว่า ทำไม และ มีเหตุผลอะไร  ... ใครสงสัย ก็ ลองไปถามเจ้าของร้านดูนะครับ  

น้ำจิ้ม   ..........   ที่นี่มีน้ำจิ้ม เสิร์ฟ มา 2 แบบครับ  ...  ซีอิ๊วดำหวาน  และ  น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว ปรุงรสเข้มข้นดีครับ  เสิร์ฟมาพร้อม พริกขี้หนูสับ และ ขิงสับ

ข้าวมัน  .........  ข้าวมัน หุงมาเป็นเม็ดสวยดีครับ

หมูสะเต๊ะ  ..........  หมูสะเต๊ะ กับ ข้าวมันไก่ เป็นของคู่กันครับ  ... ไปร้านข้าวมันไก่ร้านไหน มีหมูสะเต๊ะ ขายอยู่หน้าร้าน เกือบทุกแห่งเลยครับ  ...  หมูสะเต๊ะ  กับ  น้ำจิ้มก็อร่อยดีครับ  ...  เหตุที่ผมมาร้านนี้ทีไร แล้วสั่ง หมูสะเต๊ะมาทานประจำ  ก็เพราะ    "อะจาด"   นี่แหละครับ  ....  เพราะ ข้าวมันไก่  ที่ร้านนี้เค้าไม่ได้เสิร์ฟ มาพร้อมแตงกวา เหมือนร้านอื่นๆ  ผมเลยต้องสั่ง  หมูสะเต๊ะ  เพื่อทานอะจาด ที่มีแตงกวา แทน ครับ   ...  แต่ก็คิดว่า  สั่ง อะจาด แถม หมูสะเต๊ะ แล้วกันครับ ....  555555














                            
ร้าน  เกียรติโอชา  ......  เปิดบริการ ตั้งแต่   06.00 น.   ถึง    15.00 น. 
อยู่ข้าง ศาลากลางเก่า (ที่ตั้งอยู่ ด้านหลัง อนุสาวรีย์สามกษัตริย์)  
เลขที่   41 - 43   ถนน อินทรวโรรส  ,  อำเภอเมือง  ,  เชียงใหม่
โทร       053-327-262    ถึง   3 




ป๋าปึกส์  
16/10/2556  

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html


ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun







วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

MIX Restaurant & Bar ... PROMENADA , เชียงใหม่

MIX  Restaurant & Bar  ...  ชั้น 1 ,  อาคาร B  ...  ที่  PROMENADA  ,  เชียงใหม่  




                         " อาหารไทย "    ... ได้รับการขนานนาม ว่า  เป็นอาหาร ที่ พิถีพิถัน ในการตกแต่งอาหาร มายาวนาน จนเป็นที่เรื่องลือ ไปทั่วสารทิศ เลยทีเดียวครับ  ...
ตั้งแต่ การ แกะสลัก  ผัก ผลไม้  เพื่อใช้ในการตกแต่งหน้าตา  ของอาหาร
การเลือกสมุนไพร นานาชนิด เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบ
การประดิษฐ์ประดอย  รูปทรง และ ลายละเอียด  .
อาหารไทย ที่มีการตกแต่ง และ ประดิษฐ์ประดอย กันมากที่สุด ....  ส่วนใหญ่จะเป็น  อาหารไทย จาก ภาคกลาง  ...  และ อาหารไทยที่ได้รับ การถ่ายทอด  มาจากอาหาร  ตำรับชาววัง
                            จนมาถึง ยุคนี้ .. พ.ศ.นี้  ...  พ่อครัวไทย รุ่นใหม่ๆ ก็ยังคงรักษา ความดีงามที่ พ่อครัวในอดีตเคยสร้างชื่อเสียงไว้ กับ อาหารไทย  ....  แต่ในปัจจุบัน  อาหารไทยได้มีการพัฒนา ไปกว่าที่เคยทำกันมา  จากการเปิดกว้างในการรับรู้ และ เรียนรู้จากประสพการณ์ ในการ ได้เห็น และ ได้สัมผัส  และ เก็บเกี่ยว ข้อดี และ จุดเด่น หลายประการ จาก อาหารต่างชาติ  จากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก มากขึ้น
จนทำให้เดี๋ยวนี้ พ่อครัว บ้านเรา   พัฒนาไปไกลเลยครับ  ...  ไม่ใช่ แค่ แกะสลักโน่น แกะสลักนี่  ให้เป็น ดอกๆ  ...  แล้ววางข้างจาน เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วครับ  ....  เริ่มมีพัฒนาไปถึง  การดัดแปลงรูปลักษณ์ หน้าตา ...  แต่ก็ยังคง ให้ความสำคัญ  ในรสชาติความเป็นอาหารไทย  ได้อย่างสมบูรณ์แบบ  ....   หนึ่ง ในร้านอาหาร ประเภท ที่ ผมบอกว่า พัฒนาไปไกล  ก็คือ  ร้านที่ผมจะแนะนำในวันนี้ นี่แหละครับ

















                             Mix  Restaurant and Bar  ....  ร้านอาหารไทยแนวใหม่ ทีผสมผสาน อาหารไทย กับ สไตลส์ที่แตกต่าง ของอาหารต่างชาติ ที่ลงตัว  ...  การจัดวาง ... การเลือกวัตถุดิบ  ..  การเลือกใช้ภาชนะ ...  การออกแบบตกแต่ง อาหารที่ทันสมัย  หรือ แบบที่กำลังนิยม กันทั่วบ้าน ทั่วเมือง  ที่  เรียกกันว่า  " ฟิวชั่น ฟู้ด "  ....   และ ที่สำคัญที่สุด ของอาหารร้านนี้ ที่ผม คงต้องชม ก็คือ การรักษารสชาติของอาหารไทย ได้อย่าง ลงตัว และ พอดี ครับ
                             วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ เป็น  " วันครอบครัว "  สำหรับครอบครัวผม ครับ   ...  ผมพยายาม ถ่ายทอดกิจกรรมที่ผมเอง ก็ได้รับการถ่ายทอดมาจาก คุณพ่อ คุณแม่ ของผม ...  ท่านเคยสอนไว้ตั้งแต่ สมัยเด็กๆ สมัยที่ยังคงเรียนหนังสือใน กรุงเทพฯ ว่า  ...  " ในอนาคต ลูกๆ โตขึ้น .. ความเป็นอยู่ และ การใช้ชีวิต  คงไม่เหมือนกันกับ สมัยที่ พ่อกับแม่ โต  ...  การแข่งขัน คงมากขึ้นอีกเยอะ  ...  การใช้เวลานอกบ้านของแต่ละคน  ก็ต้องมากขึ้น  ... แน่นนอนว่า การอยู่ร่วมกันกับครอบครัว ก็ย่อม น้อยลงเป็นธรรมดา  ...  ท่านเคย บอกไว้ว่า  ขอให้ ครอบครัวเรา ได้  ทานข้าวพร้อมหน้ากัน ซักอย่างน้อย อาทิตย์ละมื้อ  .... แล้ว เราก็พยายาม ยึดปฏิบัติให้ได้ตามที่ท่านบอก โดยเลือกเอา .. วันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่ ทุกคนภารกิจน้อยที่สุด  เป็นวันที่ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน ทั้งครอบครัว "
ทุกวันนี้ ทุกวันอาทิตย์ ผมและลูกๆของผม ก็พยายามทำตัวให้ทุกคนว่างในวันอาทิตย์  เพื่อที่จะได้ทานข้าวพร้อมหน้ากัน  ....  เมื่อวาน เป็นการเลือกของ ลูกๆครับ  ... เราเลยไปกันที่  Mix Restaurant and Bar  ที่ ชั้น 1 .. อาคาร B ... ในห้าง  Promenada  ที่เชียงใหม่ ครับ















                       ร้านนี้ ผมเคยไปครั้งแรก ตอนที่เค้าเปิดร้านแรก ที่เป็นต้นตำรับ  เมื่อหลายปีก่อน  ที่ นิมมานฯ ซอย 1  ...  ตอนนั้นจำได้ว่า  รายการอาหารแตกต่างกับ รายการอาหารที่ผมมาทานในวันนี้ โดยสิ้นเชิงเลยครับ  ..  วันนั้นตอนทานเสร็จ  เดินออกจากร้าน  ก็ไม่ได้มีอะไรประทับใจ เป็นพิเศษ  ...  หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ย้อนกลับไป ทานอาหารที่ร้านนั้น  น่าจะกว่า 5-6 ปี เลยทีเดียวครับ
                       มาวันนี้ที่  ต้องบอกว่า ต่างกันโดยสิ้นเชิง ครับ  ...  ก็เพราะ  อาหาร ที่ทานเข้าไป แล้ว ติดใจ นี่ซิครับ  ...  เราสั่งอาหารมาประมาณ  7-8 อย่าง  ...  ค่อนข้างจะอร่อยลงตัวทุกอย่างเลยครับ  ...  มีจานที่ประทับใจ  จนต้องมาแนะนำ หลายจานเลยครับ

ปลาร้าทรงเครื่อง  ..........  ตอนลูกๆผม  อ่านเมนู ให้ฟัง (ผมลืมเอา แว่น ไปครับ มองไม่เห็นครับ.. 555)  ....  ผมยังต้องย้อนถามเลยครับ ว่า     " อะไรกัน ร้านนี้มี ปลาร้า  ด้วยเหรอ ? "
เสียงตอบว่า   " มี "   พร้อมกันทั้งโต๊ะครับ
เหลือเชื่อครับ  !!!   ....  ร้านอาหารไทยฟิวชั่นแบบนี้ มีปลาร้าทรงเครื่องครับ ... ไม่ได้แค่มีอยู่ในเมนูเท่านั้นครับ  จานนี้อร่อย จนผมแทบจะทานคนเดียวเลยครับ  ....  ปลาร้า ที่พอทานแล้ว สัมผัสได้ว่า สอาดเลยครับ  สีขาวอมเหลือง นวลๆ  ได้กลิ่นปลาร้าหอมกำลังดี  ... เสิร์ฟมาพร้อมผักเครื่องเคียง ที่จัดวางไว้สวยงาม และ ถูกใจทุกอย่างเลยครับ มีทั้ง  ขมิ้นขาว  .. หัวปลี .. มะเขือ .. กะหล่ำปลี  ....  ปลาร้าทรงเครื่อง รสชาติอร่อยเลยครับ  ... คนที่ชอบทานปลาร้า ขอแนะนำว่า  พลาดไม่ได้เลยครับ  .. ต้องลอง  เลยครับ

แกงเขียวหวานไก่ โรตี   ..........  โดยปรกติ ถ้าเป็น แกงเขียวหวาน ที่ทานกับโรตี แล้ว สมัยก่อน เค้าทำกัน เฉพาะ แกงเขียวหวานเนื้อเท่านั้นครับ ... ผมคิดว่า ที่นี่ คงเอาใจตลาดในยุคปัจจุบันครับ ... ก็เดี๋ยวนี้ คนทานเนื้อวัวน้อยลง  ...  แกงเขียวหวานร้านนี้ ก็เลยมีให้เลือกแค่ 2 อย่างเท่านั้นครับ  เป็น ไก่ และ หมู ครับ ... เราก็เลยจัดแจงสั่ง แกงเขียวหวานไก่ มาแทนครับ
ตอนยกมา เห็นโรตี  สีแปลกๆ  บางๆ  .. ผมยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ครับ  ...  แต่พอฉีกโรตีเข้าปากชิมไปนิดนึง  ...  บางแต่กรอบ และ หอมอร่อยดีครับ
แกงเขียวหวาน ต้องอธิบายเป็นภาษาอังกฤษครับว่า  Rich  ดีครับ  .. รสชาติกำลังดี .. เนื้อไก่ .. มะเขือ .. หั่นมาพอดีคำ ดีครับ  ... หั่นเอาโรตีวางลงบนช้อน  แล้วตักแกง ให้มี เนื้อไก่ซักชิ้น มะเขือซักชิ้น  น้ำแกงให้เต็มช้อน  .....  อาบัง โต๊ะ ข้างๆผม ร้อง   โอวววววววววว  ลั่นร้านเลยครับ


















พาร์ม่าแฮม ห่อ เมล่อนญี่ปุน กับ ยำแอบเปิ้ล   ..........  อาหารที่ผสมผสาน เอาอาหาร จากกหลายชาติ มาอยู่ในจานเดียวกันได้อร่อยลงตัวดีครับ  ...  พาร์ม่าแฮม จากอิตาลี  .. ห่อเมล่อน รสอมหวาน แบดัดจริต ของ ญี่ปุ่น .. เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงที่เป็น ยำแอบเปิ้ล ทังเขียว และ แดง จากออสเตรเลีย
พาร์ม่าแฮมกับเมล่อน ก็อร่อยไม่แตกต่างกับ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนเท่าไหร่นัก  ...  แค่ ยำแอบเปิ้ล นี่ซิครับ  ...  มีรสยำออกไทยๆ คล้ายๆน้ำส้มตำ  อร่อยดีครับ

ยำผักบุ้งกรอบทะเล   ..........  ผักบุ้งทอดกรอบ (กรอบจริงๆครับ)  วางหน้ามาด้วย ไข่ดาวทอดกรอบหั่นเป็นชิ้นๆ .. วางน้ำยำทะเล รสจัดจ้าน  ที่มีทั้งกุ้ง และ ปลาหมึก  อยู่ในถ้วยข้างจาน
จะทานผักบุ้งก่อนแล้วตามด้วยน้ำยำ  ...  หรือ จะเอาน้ำยำโรยหน้าแล้วทาน  ก็ได้นะครับ  ... อร่อยเข้ากันดีครับ

ยำมะเขือม่วงโครงการหลวง กับกุ้ง และ หอยเชลส์ฮ้อกไกโด    ..........   มะเขือม่วงไซด์กลาง หั่นตามขวาง แล้วย่างมาสุกกำลังดี ราดมาด้วยน้ำยำ  รสอร่อย วางเคียงข้างมาด้วยไข่ต้มยางมะตูม  ... จานนี้ รสชาติ ทันสมัยดีครับ

ปลาเงิน ญี่ปุ่น ทอดพริกเกลือ   ..........  ปลาเงิน .. ปลาตัวน้อยๆ จากประเทศญี่ปุ่น ชุบแป้งทอดมากรอบกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อม ซ้อสพริก คล้ายๆ ซ้อสศรีราชา  ...  แค่ปลาเงินชุบแป้งทอดก็อร่อยแล้วครับ .. จานนี้ ท่านแกล้ม เบียรเย็นๆ  ช่างเข้ากันดีเหลือเกินครับ

















แกงคั่วเนื้อปู ใบชะพลู   .........    แกงปู แบบปักษ์ใต้  ...  สีเหลืองของขมิ้นงามมาเลยครับ  .. ใส่เนื้อปู เป็นก้อนๆ  .. ลอยหน้ามาด้วย ใบชะพลูหั่นเล็ก  ....   อร่อยดีครับ  .. ผมว่า ถ้าจัดจ้านมากกว่านี้ อีกซักนิด  ... รับรองว่า  ร้านแกงปู ที่ภูเก็ต ต้องร้องไห้ แน่่ๆ เลยครับ

                     ยังมีอาหารอีกหลายจานที่ไม่ได้สั่งครับ  ...  แต่เท่าที่เห็น พนักงาน ยกผ่านโต๊ะผมไป ก็น่าทานหลายจานเลยครับ  ..  บางจานมี ลูกเล่นน่าสนใจเลยครับ  ตอนยกผ่านโต๊ะผม มีควันย้ำแข็งแห้ง ลอยตาม เรียกร้องความสนใจ ได้ไม่เลวเลยครับ  ....  ลูกๆผม ยังบอกอีกว่า ร้านนี้ ขนม ก็อร่อย ... แต่วันนี้ เรามากัน 4 คน กับข้าวเต็มโต๊ะขนาดนี้  เห็นทีจะต้องกลับมาลองอีกซักรอบ เร็วๆนี้ แน่นอนครับ
ถ้า
ลองแวะไปทานกันดูนะครับ   ...  ราคาก็มาตรฐานครับ  ... ร้านอาหารในห้างที่เค้าต้องจ่ายค่าเช่าสูงๆ ขนาดนี้  ผมถือว่าไม่แพงเลยครับ  เราทานกัน 8 อย่าง มีเครื่องดื่ม ทั้งน้ำปั่น และ เบียร์ ราคาประมาณ  1,800  บาทครับ


MIX Restaurant and Bar
อาคาร B  ,  ชั้น 1  (ติดทางเข้าด้านหน้า)
ห้าง  PROMENADA  CHIANGMAI
084-612-7007



ป๋าปึกส์  
14/10/2556  

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html


ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun