Translate

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ครัวคุณนาย ... อาหารไทยรสดีเยี่ยม ที่ เชียงใหม่

" ครัวคุณนาย "    ...  อาหารไทยรสดีเยี่ยม   ที่  เชียงใหม่  



ร้าน   " ครัวคุณนาย "   (ครัวคุณหนุ่ม เดิม)  
ตั้งอยู่บน  ถนนวงแหวน 1  (เส้นที่มาจาก ศูนย์ราชการเชียงใหม่  มาทาง  ม.พายัพครับ)
ร้านนี้อยู่ระหว่าง ศูนย์ราชการ ค่อนมาทางกาดรวมโชคครับ   อยู่ในซอย ที่เป็นทางเข้าหมู่บ้านล้านนาวิลล์  ปากซอยมีร้านวัสดุก่อสร้างชื่อ  ฟ้าไฉ  เข้าซอยไป  50 เมตร  ร้านอยู่ด้านขวามือครับ
ร้านนี้เปิดเฉพาะตอนเย็นครับ   17.00 น.  - 21.00 น.  
โทร  089-433-9672


                       














ต้องขอบคุณ  ท่านผู้พิพากษา  Rhatthakarn Samphant   ที่กรุณาแนะนำ ร้านนี้ให้ผม
ตอนที่ ท่านบอกชื่อร้านมา  ก็ งงๆ เล็กน้อยครับ  ...  แต่พอท่านบอกว่า ร้านนี้เดิมชื่อ   " ครัวคุณหนุ่ม "
พอผมได้ยินชื่อ  ผมก็ร้อง  อ๋อ  เลยครับ  
ร้านนี้ผมเคยไปทานเมื่อซักเกือบ 4-5  ปีที่แล้วเห็นจะได้ครับ    เลยพอจะจำได้
แต่เมื่อไม่นานมานี้  ผมตั้งใจจะไปทานที่ร้านนี้  ตอนมื้อกลางวัน   แต่ หาร้านไม่เจอครับ
จนเพิ่งมาทราบว่า ร้านนี้เปลี่ยนชื่อเป็น  " ครัวคุณนาย "     แล้วเปิดขายเฉพาะช่วงเย็นเท่านั้นครับ
                                 
นอกจาก ท่านแนะนำร้านนี้ ให้ผม  แล้วยังไม่พอครับ  
ยังแถม แนะนำรายการอาหาร มาให้ผมอีกด้วยครับ
รายการที่แนะนำมาให้ผม   มีดังนี้ครับ  :  หมูสามชั้นทอด (หอมนุ่มใน)  ,   ต้มยำปลาคัง (ใช้มะนาวสด หอมเนื้อปลาและเครื่องปรุง)   ,  ทอดมันปลา (นวดเนื้อปลาเอง)  ,  ไก่ย่าง  ,  หลนปลาร้าทรงเครื่อง  ,  กบผัดพริกขี้หนู  ,  ปลาดุกฟูทรงเครื่อง (เสิร์ฟมาพร้อม สะเดา)
และ ยังบอกรายละเอียดเพิ่มเติมอีกว่า  บรรยากาศ เหมือนนั่งทานอยู่ในบ้าน ....  ได้ข้อมูลมาขนาดนี้ หากไม่ไปลอง ก็เสียชื่อ นักรับประทานอย่างผม แล้วหละครับ
                                 
เมื่อวาน  วันมาฆะบูชา  วันหยุดผมก็เลยชวน ภรรยา ไปแวะชิมกันสองคน
เสียดายครับ  ตรงกับวันหยุดเลยไม่ได้ชวนเพื่อนๆ ไปด้วย   ไม่อย่างงั้นเราคงได้สั่งอาหารเพิ่มมากกว่านี้  จะได้ชิมอาหารมากกว่านี้ครับ  ....  เรารีบมากันตั้งแต่ร้านเริ่มเปิดกันเลยครับ  
ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่เปิดในบ้าน ก็เลยได้บรรยากาศแบบนั่งทานในบ้านจริงๆเลยครับ  
ตกแต่งง่ายๆ สอาดสอ้านดีครับ ... พอนั่งโต๊ะเรียบรอย ก็เปิดดูเมนู
ผมหันไปบอกภรรยาว่า   " ตายละวา ลืม ครับ "
ลืมครับ  ผมลืม เอารายการอาหารที่ คุณ Rhatthakarn    กรุณาแนะนำรายการอาหาร มาด้วย
ก็เลยต้องทำตามสูตรครับ เปิดเมนู แล้วรีบ เปิดหน้า อาหารแนะนำ  ของทางร้านอาหารเลยครับ   แล้วเลือกสั่งเอาเลยครับ








                                 มากันสองคน ก็พยายามสั่งน้อยหน่อยครับ (อยากทานากกว่านี้ กลัวไม่หมดครับ  เห็นโต๊ะข้างใน ตอนเดินไปถ่ายรูป แต่ละจานใหญ่ และ น่าทานเลยทีเดียวครับ)   ....  ว่าแล้วผมก็จัดแจงสั่งเลยครับ

----------------

" หลนกุ้ง "  รูปร่างหน้าตา คล้ายๆ หลนเต้าเจี้ยว ครับ ...  ร้านนี้ เค้าเลือกใช้  กุ้งขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ กำลังดี
หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดพอดีคำเลยครับ
รสชาติของน้ำหลน  ออกรสชาติเค็ม อมหวานเล็กน้อย กลมกล่อมดี
เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียง   ชมิ้นขาว และ ผักสดมากมาย
ขอแนะนำว่า จะทาน  หลน ให้อร่อย  ต้องทานคู่กันกับ   " ขมิ้นขาว "  เลยครับ รับรองว่า เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยครับ
จานนี้อร่อยจน เราทานกันแบบไม่มีอะไรเหลือ  ให้เค้าล้างจานเลยหละครับ

------------------

" ต้มข่าทะเล "   (หม้อไฟ) 
ปรกติ ต้มข่า เป็นอาหารจานโปรดของผมอยู่แล้วครับ
จริงๆแล้ว  ต้มข่า เป็นอาหารที่ทำไม่ยากนัก แต่ทำให้รสกลมกล่อม และ อร่อย นี่ค่อนข้างยากโขอยู่ครับ
ตอนที่่ ยกหม้อไฟมา ปุ๊ป ..  ผมก็รีบตักชิมน้ำซุป ปั๊บ เลยครับ
พอชิมแล้ว  ผมก็ทำหน้าตา แปลกๆ  ..  จนภรรยาผม ต้องถามว่า เป็นไงบ้าง  
ผมตอบไปว่า  " ผมว่า รสเปรี้ยวนำ มากไปนิดหน่อยน๊ะ "
แต่พอทิ้งไว้ซักแป๊บเดียวเท่านั้นเองครับ ครับ   ...  พอ หม้อไฟ เริ่มเดือดพล่าน
น้ำซุปที่ทำจาก กะทิ  ก็เริ่มเดือด และ แตกมัน เท่านั้นเองครับ  
รสหวาน อม  เค็ม  ของ น้ำกะทิ   ก็เพิ่มขึ้นมาในทันทีเลยครับ  
โอววววววว  กลมกล่อม  อร่อยลงตัว  พอดีเป๊ะ เลยครับ  ...   อร่อยสุดๆ ครับ
ใครสั่งจานนี้ละก้อ แนะนำว่า ควรรอซักนิดเดียว  ให้ต้มข่าร้อน หรือ เดือดก่อน
รับรองว่า ต้องร้อง โอวววววว   .....  อร่อยไร้เทียมทาน  เลยหละครับ

------------------

" หมูป่าผัดเผ็ด "   พอยกมาวางปั๊บ ผมจ้วงตักโดยทันทีครับ  สีสันของเครื่องผัด  ส่ง  กลิ่น ลอยมาเตะจมูกขนาดนี้ จะรอช้าอยู่ใยครับ
พอตักเข้าปาก ... อืมมมมมม   รสชาติ  แบบว่า  ทานแล้วต้องร้อง  YESSSS   เลยครับ
กลิ่นสมุนไพร เครื่องแกง และ กระชาย  ลอยอบอวลอยู่ใน กระพุ้งแก้ม  อร่อยลงตัวครบรส  ไม่เผ็ดมาก     ที่รานนี้   เค้าเลือกใช้  เนื้อหมูป่าแท้ๆ   แต่ต้องเรียนว่า  อาจจะรู้สึก เหนียวไปบ้าง   สำหรับคนฟันฟาง เสื่อมสภาพ อย่างผมเลยครับ ...  5555

------------------

" ปลาดุกฟู ผัดพริกขิง " 
ผัดพริกขิง อีกหนึ่งจานโปรดของผม  ที่ เห็นเมนูนี้ร้านไหน เป็น สั่งร้านนั้น ทุกทีครับ
ทานผักพริกขิง  มากับหลายวัดถุดิบแล้วครับ  ...  นานๆ จะหาร้านที่เค้าทำ   " ปลาดุกฟูผัดพริกขิง "  เจอซักร้านนึง ครับ
เนื้อปลาดุกฟู  กรอบ และ เกาะตัวเป็นขิ้นดีครับ  ทานง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่อง ก้าง
เครื่องผัด  ถึงเคื่อง ถึงพริก ถึงขิง กลิ่นโชยหอมยั่วน้ำลายสุดๆครับ
รสชาติ  อร่อยลงตัว ครบรสครับ   ไม่เผ็ดมากเกินไปครับ  
หลังจาก ทาน ปลาดุกฟูผัดพริกขิง จานนี้แล้ว  ...  สัญญากับตัวเองว่า  ทุกครั้งที่มาร้านนี้  ผมจะไม่มีทางพลาด  อาหารจานนี้โดยเด็ดขาดครับ
แค่ ข้าวเปล่าร้อนๆ  เอาปลาดุกฟูผัดพริกขิง ราดลงไป ..  ก็อร่อย แบบ ต่อให้เอา  หูฉลาม หรือ มัตสึซากะสเต็ก มาแลก ผมยังไม่ยอมเลยครับ

---------------------





เท่าที่ทานมา 4 อย่าง  รสชาติอร่อยทุกอย่างครับ  ...  แต่ หมูป่าผัดเผ็ด  คงไม่เหมาะกับชายวัยผม  ที่ฟันฟางเริ่มเสื่อมประสิทธิภาพแล้วครับ (5555)  ... แต่เท่าที่ทานตามที่สั่งมา  พอจะประมาณได้ว่า อีกหลายรายการที่แนะนำมาในเมนู  น่าจะอร่อยไม่แพ้ แต่ละจานที่ผมได้ลองชิมครับ   เพราะรสมือเชฟที่นี่ ไม่เบาเลยทีเดียวครับ
                             
ลองแวะไปชิมกันดูนะครับ  ให้เบอร์ไว้อีกทีครับ     089-433-9672 


แผนที่ร้านอาหารทั้งหมด ที่ผมเขียนแนะนำไว้ใน   " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM




ป๋าปึกส์
26/02/2556

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html


ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun


วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

The Flowery Home ... ฟ้าฮ่าม ... เชียงใหม่

" The  Flowery  Home "   ...  ถนน ฟ้าฮ่าม (เลียบแม่น้ำปิงฝั่งตะวันออก)  ... เชียงใหม่


The  Flowery  Home  ...  ถ้าให้ทายว่า  ร้านนี้ ขายอะไร ?
สำหรับคนที่ไม่เคยมาร้านนี้ คงทายถูกยากหน่อยนะครับ
The  Flowery Home     หากแปลเป็นไทย แบบตรงๆง่ายๆ ก็คงต้องเป็น    " บ้านดอกไม้ "   หรือ   " ร้านดอกไม้ "    แน่ๆ เลยครับ
แล้วก็จริงๆด้วยครับ  ที่นี่   มีดอกไม้  ทั้งดอกไม้ประดิษฐ์  และ ดอกไม้จริง  
แต่ไม่ได้เพียงแค่   ขายดอกไม้อย่างเดียวนะครับ
และ ไม่มีกฏข้อไหนในโลก ที่บอกว่า   ร้านดอกไม้  ห้ามขายอาหาร .. ห้ามขายขนม .. ห้ามขายกาแฟ
ที่  The  Flowery  Home   มี ขายครบ  ทุกอย่างครับ ตามที่กล่าวมา ด้านบนครับ
สวย   ...   ลงตัว   ...   เข้ากัน   ...   หวาน   ...   วินเทจ   ...   อินเทรน   ...  หอม   และ   " โดน "   ครับ
ทั้งหมดเป็น คำจำกัดความ  ที่อธิบาย ง่ายๆ แบบผม   ถึงการตกแต่ง   ความรู้สึก และ  สิ่งที่สัมผัสได้   เมื่อเข้าไปในร้านนี้ครับ

















                              เมื่อ  3-4 วันที่แล้ว ผมได้รับ  message  จาก  เพื่อน ที่เป็นเหมือนน้องสาวคนนึง  ชวนไปทานอาหารกลางวันร้านนี้    แต่น่าเสียดายจริงๆครับ  ผมดันติดธุระ อื่นซะก่อน  ... เวลาล่วงเลยมาหลายวัน จนทำให้ผมลืมนึกถึงร้านนี้ไปเลยครับ ...  มาวันนี้ ตื่นมา ก็มี น้องสาวคนเดิม (คุณ Nam Barclay กับสามี  คุณ Chris  ทั้งสองเป็นเจ้าของโรงแรม บูติค ชื่อดังหลายแห่งในเมืองจีน ในเมือง หยางโชว ใกล้ๆ  กุ้ยหลิน  ลองเปิด  web site  ดูนะครับ    www.yangshuomountainretreat.com  ,      www.yangshuoguesthouse.com  )   ....   ส่ง  message  มาชวนไปทานอาหารกลางวัน ที่ร้านนี้อีกรอบนึงครับ ...  ไม่ได้ชวนทานอาหาร อย่างเดียวนะครับ   เธอส่งรูปอาหารมาให้ดูก่อนซะอีกด้วยครับ  ...  เที่ยวนี้ผมก็เลยไม่พลาดอีกแน่นอนครับ   ได้มาร้านนี้ซักทีครับ ... เลยชักชวน ภรรยา มาด้วยเลยครับ
                             ร้านนี้หาไม่ยากครับ  เอาเป็นว่าผมเริ่มต้นการเดินทาง จากหน้าร้าน  Good View  แล้วกันนะครับ  (ใครไม่รู้จักร้าน Good View ก็ คงต้องจ้าง  รถตุ๊กๆ  นำทางเอาแล้วกันนะครับ 5555)  ... ขับรถผ่านหน้า  Good View   ...  มุ่งหน้าไปทาง วัดเกตุ (หาก งง ก็ให้ร้าน กู้ดวิว และ แม่น้ำปิง  อยู่ด้านซ้ายมือของตัวคุณ นะครับ)   ...   ขับไปจนถึง สี่แยกไฟแดง  ตรงไปครับ  จะเห็น คอนโด ตึกใหญ่ๆ  อยู่ริมน้ำปิง ด้านซ้ายมือครับ ...  ขับเลย คอนโด ไปนิดเดียว   จะเห็นบ้านสีฟ้า อยู่ด้านขวามือครับ

















                               พอไปถึงร้าน  ด้วยสีสันภายนอก พร้อมการตกแต่งสวนที่น่ารัก  ผมยังหันไปบอก ภรรยา ว่า   " น่ารักดีเน๊าะ "  เลยครับ  ....  เปิดประตูร้านเข้าไป  ... โอวววววววว ....  หอมจังเลยครับ  หอมกลิ่นดอกไม้นานาชนิดเลยครับ ... อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่า ที่ร้านนี้มีทั้งดอกไม้ประดิษฐ์ และ ดอกไม้สด  ...  ด้วยกลิ่นดอกไม้สด ช่างทำให้ ดอกไม้ทุกดอกในร้านนี้  มีชีวิต ชีวา ขึ้นมาทันทีครับ
การจัดวาง โต๊ะเก้าอี้  ผมชอบเลยครับ  ...   เจ้าของร้านนี้ไม่ได้ต้องการปริมาณ ที่แออัดยัดเยียดครับ  จังหวะ .. ระยะห่าง .. ความเป็นส่วนตัว ของแต่ละโต๊ะ  .. จังหวะและมุม ลงตัวครับ .... ผมเข้าไปถึงทักทาย น้องสาวและสามี ที่มารออยู่ก่อน  ...  แล้วก็เดินถ่ายรูปไปรอบๆ ก่อนเลยครับ  ...  มีทั้งมุมกาแฟ  ,  มุมขนม ทั้งเค้กโน่น พายนี่  สารพัดเลยครับ  ,  มุมนั่งทานอาหารแต่ละโต๊ะ  ให้คำจำกัดความง่ายๆได้ว่า  " โดน "   ครับ
















                             พอกลับมานั่งโต๊ะ  ก็เปิดดูเมนูอาหารก่อนเลยครับ  ...  มีอาหารหลากหลายประเภทครับ  ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง  ขนมต่างๆ  เครื่องดื่ม ก็มีให้เลือกมากมายครับ ...  ระหว่างตอนที่ผมไปเดินสำรวจร้าน  ภรรยาและน้องสาว  เค้าสั่งอาหารไปบ้างแล้วครับ   ...   ข้าวผัดกุ้ง  ,  สปาเก็ตตี้คาร์โบนาร่า  ,  สปาเก็ตตี้เส้นดำ ผัดขี้เมา  ,  ซีซ่าร์สลัด ,  พล่ากุ้ง ,  ข้าวอบสับปะรด , ต้มข่าไก่  และสั่ง  ข้าวผัดกุ้ง มาเพิ่มอีกหนึ่ง หลังจากจานแรกวางแล้วหมดปุ๊บ  ...  นี่ยังไม่รวมของหวานนะครับ  (ที่สั่งมา ทาน 4 คนนะครับ  ...  อิอิ)
                           
ผมก็แย่งชิมโน่นชิมนี่ ครบทุกจานครับ ...  จานโปรดของผม ที่ร้านนี้มีดังนี้ครับ

พล่ากุ้ง  ........  จานนี้ แนะนำว่า  รสชาติอร่อยไม่แพ้ใครเลยครับ  ...  ด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัย กับ รสชาติไทยแท้ดั้งเดิม  ช่างลงตัว แบบแทบไม่น่าเชื่อ เลยครับ ...   เป็นพล่ากุ้ง  ที่ดูดี  แบบ อาหารฟิวชั่น เลยครับ ...  แต่รสชาติ  นี่ซิครับ  ออกมาครบ รสพล่า  เลยครับ ...  ครบถ้วน ทั้งรส กลมกล่อมครบทุกรส ครบถ้วน  ทั้งกลิ่นเครื่องยำและสมุนไพร ....   อร่อยลงตัว แบบ  แซ้บเลยทีเดียว ครับ

ข้าวผัดกุ้ง  .........   ข้าวผัด  ที่ผัดได้แห้ง กำลังดีเลยครับ   ...  รสชาติกลมกล่อม   ...  มีกลิ่นกระทะเกรียมๆ ติดมานิดนึง   (ของดีต้องมีกลิ่นกระทะ เกรียมๆ แบบนี้แหละครับ)  ...  การทำ ข้าวผัด ให้เป็นอย่างที่ผมว่า  ไม่ได้ทำกันง่ายๆนะครับ  ...  จานนี้อร่อยจน  พอวางจานปุ๊บ .. หมดปั๊บ  เลยหละครับ  .... จนพวกเราต้องสั่งเบิ้ล มาอีกที่นึงเลยครับ

สปาเก็ตตี้  ผัดขี้เมา  .........   เส้นสปาเก็ตตี้  ลวกมาสุกกำลังดี  ผัดมาด้วย หอยแมงภู่นิวซีแลนด์ตัวยักษ์  ..  ปลาหมึก .. กุ้ง ..  เห็ด ..  พริกไทสด  ..  กระเพรา  ..... รสชาติ  จัดจ้าน ร้อนแรง  อร่อยดีครับ

ข้าวอบสับปะรด  .........   เมนูนี้  ตอนอ่านดู ชื่อเมนูแล้ว  ดูเหมือนจะเชย   ...  คล้ายๆกับ รายการอาหาร ใน  ร้านอาหารไทยบ้านเรา ในสมัยก่อน ... ที่ชอบ ทำเมนูนี้ กันมาตั้งแต่ สมัยผม ยังเป็นเด็กอยู่เลยครับ ..
รายการอาหารธรรมดาๆ  ที่ ไม่ธรรมดา ครับ  ....   ข้าวผัด ใส่กุนเชียง  ,  เม็ดมะม่วงหิมะพาน  ,  ลูกเกด ...  จัดแต่งลงใน สัปปะรด ผ่าครึ่ง  ...  แค่พอตักชิม คำแรก  ...  รสชาติกุนเชียงพร้อมกลิ่น หอมนำ โดดเด่นมาเลยครับ  ....  หอมผงกระหรี่  รสชาติอร่อยกลมกล่อมดี ครับ

ต้มข่าไก่  ..........   ต้มข่า น้ำข้น  แต่ก็อร่อยดีครับ    ...  แต่สำหรับผม .. ผมว่า  น้ำข้น และ rich  ไปนิดนึง ซึ่ง คนอื่นอาจนิยมแบบนี้ ก็ได้ครับ  .... แต่รสชาติ กลมกล่อม อร่อยดี เลยครับ

ส่วนจานอื่นๆที่สั่งมา   ก็อร่อยดี  เลยครับ
                           















                             ส่วนของหวาน  ก็เป็นหน้าที่ สาวๆ เป็นผู้สั่งมาครับ  (ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องของหวานครับ  อาจจะเป็นเพราะผม เป็นคนหวานอยู่ในตัว แล้วมั้งครับ .. 555)   ... เค้าสั่งกันมาสามอย่างครับ  อันแรกคล้ายๆ     ช๊อคโกแล๊ตเค้ก มาพร้อมไอศครีม  ...  จานที่สอง เป็น  สตอเบอรี่ กับอะไรซักอย่างนึงครับ   และ จานสุดท้าย  Mango cool cheese   ....  จานสุดท้ายนี่ซิครับ    เจ้า  Mango Cool Cheese   นี่แหละครับ  บอกได้คำเดียวครับ ว่า        " ห้ามพลาด โดยเด็ดขาด ครับ "  
                             

ร้านนี้ เปิดบริการ ทุกวันครับ  ...  เปิดตั้งแต่เวลา   08.00 น.  ถึง  19.00 น.
โทร  :   086-919-7412



ป๋าปึกส์
22/02/2556

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun






วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข้าวซอยคำแสน .... ลำปาง

" ข้าวซอยคำแสน "    บนถนน ลำปาง - งาว   ที่   ลำปาง  


                            เมื่อวาน (20/02/2556)   ผมตั้งใจไป ลำปาง เพื่อไปซื้อถ้วยชาม  จากโรงงานแถวๆ อำเภอ เกาะคา  ที่ จังหวัดลำปาง ครับ  ...  ก่อนออกเดินทางไปจากเชียงใหม่ ก็นั่งนึกว่า  ไหนๆไปแล้ว ก็น่าจะแวะชิมร้านอาหารร้านใหม่ ซักร้านนึงจะได้กลับมาเขียนเล่าให้ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ได้ลองไปชิมกันบ้างครับ ....  นั่งนึกอยู่ตั้งนานว่า จะไปถามชาวลำปางที่ไหนดีน๊ะ  ที่จะพอแนะนำร้านเด็ดๆ ใหม่ๆ ให้ผมได้บ้าง ...  รีบจัดแจงเปิด  Facebook  ดูว่าเพื่อนคนไหนอยู่ ลำปาง กันบ้าง ... เปิดปุ๊บติดปั๊บ (เหมือนโฆษณา โทรทัศน์ยี่ห้อนึง สมัยผมหนุ่มๆเลยครับ)   เปิดดูใน  Facebook   ผมก็นึก เพื่อน ท่านนึงที่อยู่ที่ ลำปาง  ทันทีเลยครับ  ....  " โก ห่าน "   เป็นที่ผู้ที่ เขียน สาระความรู้  เกี่ยวกับ การระวังดูแลรักษาสุขภาพ   ใน  Facebook  ของเค้าอยู่เป็นประจำครับ  และผมก็เปิดอ่านทุกเรื่องที่  โกห่าน  เขียนเช่นกันครับ   
                           ผมรีบส่ง  message  ถึง โกห่าน  เลยครับ ... สอบถามว่า มีร้านไหนแนะนำให้ผมทานเป็นมื้อกลางวันบ้าง  ... โก ถามกลับมาว่า  " ข้าวซอย "   มั้ย? ...  โอววววว  ของโปรดเลยครับ  ... โก ก็รีบส่ง message  บอกทางไปมาเลยครับ  แถมยังบอกว่า  จะไปเจอที่ร้านอีกด้วยครับ  พร้อมทั้งส่ง เบอร์โทรมาให้ กันผมหลงทางอีกต่างหากครับ .... นี่แหละครับ  " น้ำใจ "  ของคนไทยครับ















                           ร้าน  " ข้าวซอย คำแสน "   ตั้งอยู่บน   ถนน ลำปาง - งาว ครับ ... อธิบายง่ายๆก็คือ  ถ้ามาจาก กรุงเทพฯ  พอขับรถมาเกือบถึงลำปาง  ไม่เลี้ยวไปตามทางลัดต่างๆเลยนะครับ  ขับตรงไปจนถึง สี่แยกใหญ่ ที่ มีทางเลี้ยวซ้ายไป เชียงใหม่ .. เลี้ยวขวาไป แพร่  ...  ขับตรงไปเข้าเมืองลำปาง และเป็นเส้นทางไปอำเภองาว ....  ขับตรงมาเรื่อยๆ จนเห็นห้าง เซ็นทรัลลำปาง อยู่ด้านซ้ายมือ  ... ให้รีบชิดขวาเลยครับ พอถึง สี่แยก ให้กลับรถเลยครับ  กลับรถแล้ว ออกเลนด้านซ้ายสุดเลยครับ ขับไปจน ผ่านห้าง  Tesco Lotus  ไปซัก  200 เมตร จะเห็น ร้านนี้อยู่ด้านซ้ายมือครับ
                           พอผมไปถึงร้าน  ก็เจอ  " โก ห่าน "   นั่งรออยู่หน้าร้านเลยครับ  เราไม่เคยเจอกันมาก่อน เราเป็นเพื่อนกันใน  Facebook    แต่พอเห็นก็จำได้ จาก รูป ใน  Profile  ครับ  ... ไปถึงก็ลงไปทักทาย สวัสดีกันเหมือนคุ้นเคยกันมานานเลยครับ    นั่งคุยกันซักพัก ก็ สั่งอาหารกันเลยครับ  โก เล่าว่า  ร้านนี้เปิดมาเกือบ  50 ปีเห็นจะได้ครับ  เปิดมาตั้งแต่ถนนเส้นนี้ยังไม่ขยายเลยครับ  มี ข้าวซอย และ หมูสะเต๊ะ  อร่อยมาก ... ว่าแล้วเราก็สั่งกันเลยครับ ผมลองชามแรกด้วย  ข้าวซอยเนื้อ (สั่งตาม โก ครับ)   ส่วน ภรรยาผม สั่ง ข้าวซอยไก่  .... แล้วเราก็สั่ง  หมูสะเต๊ะ  ที่เล็กมา ทานเล่นๆ อีกที่นึงครับ














                               นั่งคุยกันต่อ แป๊บเดียวเองครับ  ข้าวซอย ก็ยกมาเลยครับ ... โอววววว  สีสัน ช่างน่าทานจริงๆครับ  สีสันน้ำแกงข้าวซอยสวยข้นแตกมัน มีน้ำกระทิ ลอยหน้ามานิดนึง เส้นข้าวซอยทอดกรอบที่โรยหน้ามา สีสวย และ กรอบกำลังดีครับ  ...  ผมรีบตักชิมก่อนปรุง  โชคดีที่เหลือบไปเห็นป้ายติดที่ผนังร้านว่า   " ไม่ใส่พริก บอกด้วยค่ะ " ... หมายความว่า ทางร้านเค้าใส่พริกลงมาในข้าวซอยทุกชาม  ใครไม่ต้องการใส่พริกให้แจ้งด้วยนะครับ  ... ผมรีบเอาช้อนคน เพื่อให้น้ำแกงเข้ากันก่อนที่จะชิมครับ .... อืมมมมม  สิ่งแรกที่ชอบคือ  น้ำแกงข้าวซอยร้านนี้  ร้อนดีครับ (หลายๆร้านเสิร์ฟข้าวซอย โดยน้ำแกงไม่ร้อนเลยครับ)  ... น้ำแกงของข้าวซอยเนื้อของผม  ต้องอธิบายเป็น ภาษาอังกฤษ เล็กน้อยครับ  ฝรั่งจะใช้คำว่า  Rich  ดีครับ  (ครอบเครื่องเข้มข้น ถึงน้ำถึงเนื้อ อะไรประมาณนั้นเลยครับ)   มีผักกาดดอง พร้อม หอมแดง และ มะนาวเสิร์ฟมาพร้อมกับ ข้าวซอยครับ  ผมบีบมะนาวลงไปซีกนึง เหยาะน้ำปลา ลงไปพอๆกับมะนาว .... โอวววววววว ลงตัวเลยครับ  .. พอตักทานไปซัก คำสองคำ ผมก็ลองของในชามแรก โดยใส่พริกเจียว ลงไปอีกนิดนึง ....  โอววววว เหงื่อออกเต็มหัวเลยครับ  เผ็ดร้อนได้ใจจริงๆครับ  ผมเข้าใจเลยครับว่า  ทำไมเค้าถึงเขียนป้ายไว้ว่า   " ไม้ใส่พริก บอกด้วยค่ะ "    ... แต่ ไม่ต้องเติมพริกเจียว ลงไป ก็อร่อยกลมกล่อมดีอยู่แล้วนะครับ
                            " หมูสะเต๊ะ "  ... ที่ห้ามพลาด โดยเด็ดขาดครับ  ... ภรรยาผมเป็นคนที่ชอบทานหมูสะเต๊ะครับ  เธอชิมคำแรกเธอก็หันมาบอกผมว่า  " พ่อต้องลองเลย  ไร้เทียมทาน "  .... อืมมมม  เอาซิครับ ลอง ภรรยาบอกมาขนาดนี้  ชายไทยใจกล้าหน้าไหน จะกล้าขัดใจบ้างละครับ ... ผมจัดแจงหยิบ หมูสเต๊ะ ลงจิ้มน้ำจิ้ม สีสวยเลยครับ .... อืมมมมมมมม   เสียงครางในลำคอ ดังลั่นโต๊ะครับ  อร่อยจริงครับ หมูนุ่มกำลังดี มีรสในเนื้อหมูที่หมักมาอย่างดี   น้ำจิ้ม ... น้ำจิ้มนี่ซิครับ  อร่อยจนผมกวาดไม่มีเหลือเลยครับ ... พอหมูสะเต๊ะ หมด จัดแจงสั่งมาเพิ่มอีกหนึ่ง จานแรกลืมสั่ง ขนมปังปิ้ง มาด้วยครับ เลยต้องจัดใหญ่มาอีกชุดนึงครับ  ...  คราวนี้ ถ้วยน้ำจิ้ม ทางร้านคงไม่ต้องไปล้างหรอกครับ ผมเอาขนมปังปิ้ง กวาดน้ำจิ้มสะเต๊ะ ซะเรียบเลยครับ














                             
                                เราทานกันจน ข้าวซอยทุกคนหมดเกลี้ยง  โกห่าน หันมาถามผมอีกว่า  " ป๋าต่ออีกซักชามมั้ยครับ "  ... ด้วยความเกรงใจ (5555)  ผมก็สั่ง ข้าวซอยไก่ มาอีกหนึ่ง  ภรรยาผมสั่ง เกาเหลาข้าวซอย อีกหนึ่ง ครับ ...  ข้าวซอยไก่  ดีครับ เค้าใช้น้ำแกงแยกกับข้าวซอยเนื้อ ได้สัมผัสรสไก่ที่แท้จริงครับ  เที่ยวนี้ผมรู้แล้วครับ  ผมไม่เติมพริกอีกแล้วครับ แค่บีบมะนาวกับน้ำปลาอย่างละเท่าๆกัน ใส่หอมแดงกับผักกาดดอง ก็อร่อย ลืมโลกแล้วครับ  แอบไปชิมของภรรยา ช้อนนึง เกาเหลา ก็ไม่เลวเลยครับสำหรับ ชามที่สองไม่หนักท้องดีครับ
                                ต้องขอขอบคุณ  " โกห่าน "   ที่ไม่เพียงแค่แนะนำร้านนี้ให้ผมนะครับ  โก ยังจัดแจงจ่ายค่าข้าวซอย เลี้ยงผมซะอีกด้วยครับ  .... ไม่ผิดหวังจริงๆครับ หากไม่ได้มาชิมร้านนี้ คงเสียดายแย่ครับ ... ข้าวซอยที่ ลำปาง ผมไปชิมมาหลายแห่ง และสัมผัสได้ว่า  น้ำแกงข้าวซอยที่ลำปาง เข้มข้น ถึงเครื่องมากกว่า ข้าวซอยในเชียงใหม่ครับ   เข้มข้นแต่กลมกล่อมแบบที่ผมชอบครับ
                               ต้องขออภัยที่ไม่ได้ถามว่า เปิดปิดวันไหนบ้าง  แต่มีป้าย  เวลาเปิดปิด  ติดหน้าร้านว่า เปิด  08.00 น.  ถึง  14.30 น.  ครับ ..... ผ่านไป หรือ ไปเที่ยวลำปาง  ลองแวะไปลองดูนะครับ




ป๋าปึกส์
21/02/2556

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun




วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ARIRANG ... ปิ้งย่าง แบบ เกาหลี ที่ เชียงใหม่


ARIRANG  Korean Restaurant   ปิ้งย่างแบบ เกาหลี ที่ เชียงใหม่แลนด์  ... เชียงใหม่ 


                       " อ่า รี รัง หง่า ... รี รัง หง่า " 
 ....  เสียงเพลงๆนี้ ผมได้ยินมาตั้งแต่ สมัยผมหนุ่มๆ เลยครับ .. ตั้งแต่   " ฟรานซิส ยิบ "   นักร้องดังชาวฮ่องกง ที่โด่งดังในอดีต  นำเพลงยอดนิยม ของแต่ละชาติในเอเชีย มาทำเป็นอัลบั้ม จนดังไปทั่ว เอเชีย เลยครับ  ... หนึ่งในนั้น คือ เพลง  " อารีรัง "  ซึ่งเป็นเพลงที่ พรรณนา ถึงการเดินทางผ่านช่องเขา อันมีทิวทัศน์ที่งดงาม ใน ประเทศเกาหลี
                         ที่ เกริ่นมา ยังไม่เกี่ยวกับเรื่องอาหารเลยครับ  แต่ที่เอามาเล่าก็เพราะ ชื่อร้านอาหารที่ จะแนะนำในวันนี้นี่เองครับ   ใช้ชื่อว่า   " อารีรัง " ...  ARIRANG  Korean Restaurant     ซึ่งเป็น ชื่อยอดนิยม ของชาวเกาหลี เลยครับ ... โดยเค้านิยมเอาชื่อเพลง ที่ผมกล่าวมาข้างต้น ซึ่งเป็นเพลง ที่ผู้คนมักจะนึกถึง   เวลานึกถึงอะไรก็ตามที่เป็น  เกาหลี ครับ (หากเป็นยุคนี้ คงต้องใช้ชื่อร้าน เป็น  " กันนัมสไตลส์ "   แทนมั้งครับ)  ...  ไม่ว่าจะเมืองไหน ประเทศไหน ก็จะเห็น ร้านอาหารเกาหลี  หรือ  กิจการอื่นๆ ของชาวเกาหลี  มักจะเลือกใช้ใช้ชื่อ   " อารีรัง  "   อยู่เป็นประจำครับ

















                             " อารีรัง "   เป็น ร้านอาหารเกาหลี แท้ๆ โดยคนเกาหลีครับ  อยู่ในย่านที่เที่ยวที่เคยเป็นย่านท่องเที่ยวยามราตรี ยอดนิยม ย่านนึงในอดีต (เดี๋ยวนี้ ซบเซาลงไปเยอะครับ .. เค้าย้ายถิ่นฐาน ไปบันเทิงกัน แถวย่าน นิมมานฯ กันหมดครับ ... ชาวบ้านแถวนี้ ก็สบายหู ขึ้นมาอีกหน่อยครับ)  ...  ร้านนี้ อยู่ห่างจากปากทางเข้า เชียงใหม่แลนด์ (ด้าน ถนนช้างคลาน) มาไม่ไกลครับ  ประมาณ 500 เมตรครับ  อยู่ฝั่งซ้ายมือ  เยื้องๆ ร้านผลไม้ ที่ผมเคยเขียนใน Blog ครับ  ...
ร้านนี้เปิดบริการทุกวันครับ
จันทร์ ถึง เสาร์  เปิดเวลา  10.00 น.   -  22.00 น.
วันอาทิตย์   เปิดเวลา   15.00 น.  -  22.00 น.

                              ลักษณะ ของร้านอาหาร ร้านนี้  ... เป็นร้านแบบ ปิ้งย่าง สไตลส์เกาหลี  เกือบทุกโต๊ะ จะมีเตาย่าง ที่เจาะลงตรงกลางโต๊ะ  ใช้ระบบย่างด้วยเตาแก๊สอยู่ด้านล่าง  และ ดูดควันลงด้านล่าง ... ซึ่งวันไหน ถ้าหากมีลูกค้าเต็มร้านเมื่อไหร่ละก้อ   ควันลอยหอมฟุ้ง  ติดเสื้อผ้าอยู่เหมือนกันครับ   ....  อาหารปิ้งย่าง  ที่นี่ มีรายการให้เลือกเยอะพอสมควรครับ  ไม่ว่าจะเป็น   เนื้อเซอร์ลอย  ,  ซี่โครง  ,  หมูสามชั้น  ,  ลิ้นวัว  ,  เนื้อหมัก  ฯลฯ ....  แต่ละอย่างก็คัดสรร มาเอาใจลูกค้าชาวเกาหลีเต็มที่ครับ  ร้านนี้ปรกติแล้ว   ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ที่มาเที่ยวและมาตีกอล์ฟ ที่เชียงใหม่ นี่แหละครับ  ค่อนข้างจะเต็มใช่ช่วง ฤดูการท่องเที่ยวของชาวเกาหลี














อาหารปิ้งย่างที่นี่  จะเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม 2 แบบ ด้วยกันครับ

น้ำจิ้มน้ำมันงา กับ เกลือและพริกไท   ..........    หน้าตาดูธรรมดาๆ  น้ำมันงาสีน้ำตาลใสสวย  มีเกลือและพริกไทใส่มาตรงกลาง  ...   เอาตะเกียบคนๆให้เข้ากัน  ...  แล้วเอาเนื้อ หรือ หมู  ลงจิ้มให้ทั่ว  ....  กลิ่นหอมน้ำมันงาม กับ ความเค็มๆ กับ เผ็ดเล็กน้อยของพริกไท  ...  รสชาติ อร่อยดีครับ

ซ้อสพริกสไตลส์เกาหลี  (โกชูจัง)   ...........  ซ้อสพริกแบบเกาหลี สีส้มปนแดงเข้ม  ... ไม่เผ็ดเหมือนพริกบ้านเรา  แต่มีรสชาติแปลกอร่อยดีครับ  ...  ซ้อสชนิดนี้นอกจากใช้จิ้มอาหารย่างแล้ว  ...  คนเกาหลี เค้านิยม เอาน้ำพริกนี้ ไปคลุกกับข้าว  หรือ ที่เรามักจะรู้จักกันในชื่อ     " ข้าวยำแบบ เกาหลี "   (บิบิบัม)  ด้วยครับ
                           
เครื่องเคียง   ...........   จัดว่าเป็น  ทีเด็ด  อีกอย่างนึง สำหรับร้านนี้เลยครับ ...  เครื่องเคียงชุดใหญ่ ที่เสิร์ฟมา พร้อมกันกับ เนื้อ หรือ หมู หรือ ปิ้งย่างชนิดอื่น  ...  ต้องขอบอกว่า ให้มา  เพี๊ยบ จริงๆ ครับ ...  มาเป็นชุดใหญ่นับแล้ว กว่า 10 จานเลยครับ  ...  มีตั้งแต่  กิมจิ 2-3 แบบ  ,  ยำต้นกระเทียมรสจัดจ้าน  ,  ถั่วงอกผัดน้ำมัน  ,   ผักดอง  มากกว่า 5 ชนิด  ,  ผักชุบไข่ทอด (คล้ายๆ ชะอมชุบไข่ แบบบ้านเรา)  ,  ถั่วต้ม  , หอยดอง  และ  ยังเสิร์ฟ มาพร้อมด้วย   กระเทียมเม็ดใหญ่ และ พริกชี้ฟ้าใหญ่ 

และที่ผมชอบอีกอย่างนึง ของร้านนี้ก็คือ  เค้าเสิร์ฟ   ผักสด   แบบไม่อั้นครับ ...  ผักก็ล้างมาดู สอาดสอ้าน น่าทานดีครับ มีทั้ง ผักกาดหอม และ ผักกาดขาว
คนเกาหลี  เค้าชอบทาน  อาหารย่าง ด้วยการวาง เนื้อที่ย่าง  ลงบน ผักกาดหอม แล้วใส่เครื่องเคียง และ กิมจิ  ลงไป  แล้วห่อด้วยผักกาดหอม  ....  ทานเป็น คำคำ ครับ














                            นอกจากปิ้งย่างแล้ว ยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่  น่าทานครับ  แต่ผมไปไม่ถึงอย่างอื่นซักทีครับ  เพราะระหว่างทานปิ้งย่าง ผมมักจะสั่ง  " ข้าวยำ แบบเกาหลี "   ( บิบิมบับ )   มาทานพร้อมเนื้อย่าง  ช่างเข้ากันดีซะเหลือเกินครับ  ...  " ข้าวยำ แบบ เกาหลี "   เค้าจะใช้ หมู หรือ เนื้อ สับเป็นชิ้นเล็กๆ  ผัดกับ น้ำมันงา และ กระเทียม  ...  แล้วไปคลุกกับข้าว ด้วย  โกชูจัง (ซ้อสพริกเกาหลี)  ...  โรยหน้าด้วย  ผักลวก  ผักสด  นานาชนิด เช่น ผักโขม  ,  ถั่งอก , แครอท , แตงกวา , หอมใหญ่ , กระเทียมสับ  ฯลฯ  ....  วางบนหน้าด้วย   ไข่ดิบ หรือ ไข่ดาว
เครื่องดื่ม  มีขายครบทุกชนิดครับ  ...  ทั้ง เหล้าไทย  ,  เหล้าเกาหลี  ,  สาเก  ,  เบียร์ และ น้ำอัดลม
สนนราคาของอาหารและเครื่องดืมร้านนี้  ไม่แพงเลยครับ  ....  แต่ก็ ไม่ได้ถูกเหมือนหมูกระทะ แบบบ้านเราแน่นอนครับ  .....   หากเคยไปทานอาหารประเภทนี้ที่เกาหลี  แล้ว เกิดคิดถึง บรรยากาศและ รสชาติ แบบที่เคยทานในเกาหลี  ....   ร้านนี้ก็ต้องถือว่า  ผ่อนคลายความคิดถึงไปได้ พอสมควรเลยครับ



ร้านนี้เปิดบริการทุกวันครับ  
วันจันทร์ - เสาร์     :     เปิด  10.00 น.   ถึง   22.00 น.
วันอาทิตย์    :    เปิด  15.00 น.  ถึง   22.00 น.

โทร   053-275-759




แผนที่   ร้านอาหารทั้งหมด ที่เขียนแนะนำ  ใน     " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM






ป๋าปึกส์
13/02/2556


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html


ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun




วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ก๋วยเตี๋ยวเรือ ตี๋หมวย ... เชียงใหม่

ก๋วยเตี๋ยวเรือ ตี๋หมวย ... อร่อยเด็ด เจ็ดย่านน้ำ
บนถนน วงแหวน หลัง ม.พายัพ ...  ก่อนถึงโค้ง  ก่อน สี่แยก กาดรวมโชค ....  เชียงใหม่ 



                        โดยมากเวลาเรานึก หรือ เคยเห็น ก๋วยเตี๋ยวเรือ  ไม่ว่าจะเป็น จังหวัด ไหนก็ตาม  ....   ปักษ์ใต้  .. ภาคกลาง  .. ภาคอิสาน  หรือ ภาคเหนือ  .... เราก็มักจะคุ้น ชื่อร้าน ก๋วยเตี๋ยวประเภทนี้   ซึ่งส่วนมากใช้ คำนำหน้า ว่า   " โก "    แล้วใช้ชื่ออื่นตามมา อยู่เป็นประจำ
ไม่ว่าจะเป็น  โกฮับ  ,  โกเฮง  ,  โกเหลียง  ,  โกโน่น โกนี่  เยอะแยะไปหมด
แต่   ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ  ที่นำมา แนะนำ ในวันนี้   แปลกดีครับ  
แปลกกว่าเจ้าอื่น ก็ ตรงที่ไม่มีคำว่า    " โก "   นำหน้าเหมือนเจ้าอื่นครับ
แต่กลับ  ใช้ชื่อว่า    " ตี๋หมวย "  ครับ
ไม่แปลกเพียงแค่ชื่อ  ที่ฟังดูแล้ว  ตามยุค ตามสมัย มากกว่าคำว่า โก  นะครับ  ...   ผมว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือร้านนี้  ยังมี รูปลักษณ์  วิธีการนำเสนอ ที่แตกต่าง และ น่าสนใจด้วยครับ  ...  รูปแบบการจัดจาน  ก็ดู  ทันยุค  ทันสมัย  แตกต่างมากกว่าก๋วยเตี๋ยวเรือทั่วๆไปครับ  ...  แต่ ที่สำคัญ คงเป็นที่  ร้านนี้ เค้าก็ยังคง รักษากลิ่นไอ  ความเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ    ให้เราสัมผัสได้อย่างดีทีเดียวเลยครับ

















                           วันนี้ตอนใกล้เที่ยง   ผมกำลังเดินเล่นอยู่ที่ทำงาน ... แล้วยังนึกไม่ออกเลยครับ ว่า จะไปทานอะไร  ...  พอดีเจอ น้องๆที่ทำงาน  กำลังขับรถ  ปร๊าดดด  ออกมาจากที่จอดรถ  ...  เลยกวักมือให้หยุด  แล้วถามพวกเธอเลยว่า    " จะไปไหนกันจ๊ะ สาวๆ "  (ต้องเรียกเธอว่า  สาวๆ  ซะหน่อยครับ เพื่อเป็นการเอาใจครับ... เดี๋ยวจะไม่ให้ผมไปด้วยครับ)  ....  ได้รับคำตอบว่า  " พวกหนูจะไปธนาคาร แล้วแวะไปทาน  ก๋วยเตี๋ยวเรือค่ะ "  ....   แค่ได้ยินคำว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือ  ผมไม่ต้องถามเลยครับ  ก็ของโปรดอยู่แล้วนี่ครับ ...  ผม รีบเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง  แล้วค่อยบอกพวกเธอทีหลังว่า  " พี่ขอไปด้วย " 
                            ระหว่างทาง ก็คุยกันในรถ  น้องๆทั้งหลาย เลยบอกว่า  ตั้งใจจะไปทาน ก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่เพิ่งไปมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว  ชื่อร้าน    " ก๋วยเตี๋ยวเรือ ตี๋หมวย "   อยู่บนถนนวงแหวน 1 (เส้นหลัง ม.พายัพ)   อยู่ฝั่งเดียวกับ  ม.พายัพ  อยู่ระหว่าง อุโมงค์ลอดแยก ดอยสะเก็ด และ อุโมงค์ลอดแยกกาดรวมโชค  ก่อนจะถึงโค้งที่  จะเข้าสี่แยกไฟแดง กาดรวมโชค ครับ
                            ทำเลดีทีเดียวครับ ... ผมคิดเอาเองว่า ในอนาคต การใช้ชีวิตความเป็นอยู่  ของชาวเชียงใหม่ น่าจะเปลี่ยนไปพอสมควรนะครับ   สาเหตุคงเกี่ยวกับเรื่อง การจราจร ที่หนาแน่น และ ติดขัดมากขึ้น นี่แหละครับ  ...  เดี๋ยวนี้ เจอใครๆ ก็บ่นว่า  ในย่านตัวเมือง หลายๆย่าน  การจราจร เริ่มติดขัดมากขึ้นทุกวันครับ   (ผมคาดเดา โดยยึด เอาความชอบ ของผมเอง และ คนรู้จักมาเป็นมาตรฐานครับ)   ... หลายๆคนที่รู้จัก  เริ่มเปลี่ยนทิศทาง และ ทำเล ในการเลือกสถานที่ทานอาหารเย็น ก็ เพราะการติดขัดของการจราจร นี่แหละครับ .... เดี๋ยวนี้แทบจะ นับครั้ง ได้เลยครับ  ... มีไม่กี่ครั้งในหนึ่งเดือนที่ผม และ พรรคพวก จะขับรถเข้าไปทานอาหาร  ในย่านรถติดครับ  ... ส่วนใหญ่ ก็พยายามหาร้านที่ไปสดวก รถไม่ติดกันไว้ก่อนทั้งนั้นหละครับ















                          ขับรถมาจากที่ทำงานผม  ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเลยครับ  ...  พอจอดรถ แล้วมองเห็นตัวร้าน  ...  ผมยังบอกน้องๆว่า   " ร้านนี้น่าทาน "   แต่งร้านง่ายๆ ดูสอาดสอ้าน ที่นั่งไม่แออัดยัดเยียด อากาศโปร่ง โล่ง สบายดีครับ ...  มาถึงยังพอมีโต๊ะว่างอยู่ครับ ... ได้ที่นั่งก็รีบดู รายการอาหารเลยครับ กลิ่น น้ำซุปก๋วยเตี๋ยว  ลอยมาเตะจมูกเลยครับ ...   แค่กลิ่นก็   โดน  เลยครับ  ...  แถมน้องๆที่เคยมาทานแล้ว   ยังช่วยเชียร์ สมทบกันเข้าไปอีกครับ เค้าบอกผมว่า    " น้ำซุปที่ร้านนี้ เป็นแบบที่พี่ชอบเลย  ...  แทบไม่ต้องปรุง "  
พอสิ้นเสียง โฆษณาของน้องๆ  ผมก็ไม่รอช้าเลยครับ  รีบสั่งเลยครับ  ...  ใหญ่น้ำตกเนื้อ ธรรมดา 1  ,  เล็กตกหมู (ธรรมดา)  1
พอสั่งเสร็จน้องๆ   เค้าบอกอีกว่า    " พี่ต้องสั่งกับแกล้มมาด้วย "
ผมเลยบอกให้น้องๆเค้าจัดการสั่งมาเลยครับ   สั่งมาเป็นชุดเลยครับ  ...  ฟังชื่อรายการอาหารที่เค้าสั่งมาแล้ว   น่าสนใจดีครับ  ...    ถึงขนาดรอลุ้นเลยครับ ว่า แต่ละอย่างจะเป็นยังไง กัน  ...  ชื่อแต่ละชื่อ น่าสนใจมากครับ   ....  ไข่นรก  ,  กากหมูนรก  , หมูยอนรก  ,  ตับนรก   และ ผักบุ้งลวก ....  โอวววววว ...  แค่ชื่อ ก็เร้าใจแล้วครับ
                          ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยว ก็ลอง ชิมพริกน้ำส้ม ดูครับ ....  อร่อย อย่างที่ผมชอบเขียนเวลาไปทานตามร้านก๋วยเตี๋ยวเสมอว่า
หลักใหญ่ๆ ในการประสพความสำเร็จของ ร้านก๋วยเตี๋ยว ที่สำคัญ 2 ข้อของผม คือ  
" น้ำซุปแทบไม่ต้องปรุง "
" พริกน้ำส้มต้องหอมอร่อย และเข้ากับก๋วยเตี๋ยวที่ทางร้านทำ "  (บางแห่งเล่นง่ายๆ เลยครับ  เอาพริกซอย ใส่น้ำส้มสายชู ดื้อๆเลยครับ)

















ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก    .........    ผมสั่งเส้นเล็กน้ำตกเนื้อ และ เส้นเล็กน้ำตกหมู  ชามธรรมดามาอย่างละหนึ่งชามครับ    ขนาดก็เท่ากับร้านก๋วยเตี๋ยวเรือทั่วไปครับ     แต่เหลือบไปเห็นชามพิเศษ  (Size ก็กำลังพอดีเลยครับ)  ...  พอเด็กเสิร์ฟ วางชามก๋วยเตี๋ยวลงบนโต๊ะปั๊ป  ก็ตักน้ำซุป  ขึ้นมาชิมในทันทีเลยครับ  ...  ท่ามกลางสายต้องของน้องๆ ที่คอยฟัง คอมเม้นท์จากผมครับ ...  " โดนครับ "  น้ำซุปอร่อบแบบแทบไม่ต้องปรุงเลยครับ  .....    แต่สำหรับ คนที่ชอบรสจัดจ้าน  ...  ลองทำแบบผมซิครับ  เอา  กากหมูนรก ที่สั่งมา  ไข่นรก ที่สั่งมา  ตักใส่จานแจก  คนร่วมโต๊ะ   ให้หมดถ้วยทั้งคู่ก่อนเลยครับ   แล้วเอาน้ำจิ้มที่คลุกมาใน  กากหมูนรก และไข่นรก  เทลงในชามก๋วยเตี๋ยว ของเราเอง  แล้วคนให้เข้ากัน  .....   โอววววววว  ....   ขึ้นสวรรค์เลยครับ ไม่ตกนรกแน่นอนครับ  ....  อร่อยเว่อร์  .. แซ้บเว่อร์   แล้วไม่ต้องไปปรุงอะไรอีกเลยครับ
                             
วุ้นเส้นน้ำตกหมู   .........   หลังจากลองก๋วยเตี๋ยวน้ำตก มา 2 ชาม  ค่อนข้างอยู่ท้องแล้ว  แต่ยังไม่ สะใจ ครับ  ...  เลยจัด วุ้นเส้นน้ำตกหมู มาอีกหนึ่งชาม  ....   เค้าลวก วุ้นเส้น ลวกมา แบบสุกกำลังดีเลยครับ    หมูตุ๋น   นุ่มนวล หอมเครื่องเทศ    น้ำซุป  อร่อยเร้าใจ  ดีครับ  ...

กากหมูนรก  ,  ไข่นรก , ตับนรก   ..........  เครื่องเคียง และ อาหารทานเล่น ที่ไม่ควรพลาดครับ  ...  กากหมูทอดมากรอบกำลังดีครับ  ... ไข่ก็สุกได้ที่  ... ตับ นี่ซิครับ ลวกมาได้สุกพอดีเป๊ะ เลยครับ  .....   ทานทั้งสามอย่างให้หมด หรือ จะใส่ลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวพร้อมกันเลยก็ได้   ....  แล้วเอาน้ำจิ้มที่คลุก เคล้ามากับ กากหมู , ไข่ และ ตับ  เทลงในชามก๋วยเตี๋ยว  ...  รับรองว่า คุณจะอร่อยแบบประทับใจเลยครับ   ....   อร่อย แซ้บเว่อร์  จนผมคงต้องรีบกลับ  ไปซ้ำแล้ว ซ้ำอีก  อีกหลายรอบ  เร็วๆนี้  แน่นอนเลยครับ  .....  สนนราคาของก๋วยเตี๋ยวเรือร้านนี้  ก็พอๆ และ เท่ากันกับ  ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือทั่วไปครับ   ....   มี ผักสด  ให้หยิบเติม ได้ตามสบายครับ   ...   ลองแวะไปชิมกัน ดูนะครับ



แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมด ที่ผมเขียนแนะนำไว้ใน    " แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM





ป๋าปึกส์
09/02/2556

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun



วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

PIZZA N PASTA ที่ เชียงใหม่

PIZZA  N  PASTA  
NEW  YORK  STYLE  PIZZA  ...  บนถนนวงแหวน 1    เยื้องหมู่บ้าน สิวลี  ใหม่ (ริมทะเลสาป)














                              เมื่อวานช่วงก่อนเที่ยง ขณะที่ผม กำลังเดินนึกอยู่ในใจว่า  กลางวันนี้จะไปทานอะไรดี ... ก็ไปเจอกับ  นายโอ๋ สถาปนิก (เจ้าเก่า)  กับน้องๆที่ทำงานอีก 8-9 คน เดินมาพอดีครับ ... ผมก็ถามไถ่ทันทีครับว่า  ไปทานอะไรกันมั้ย ... ได้รับคำตอบว่า  ทั้งหมดกำลังจะออกไปทาน พิซซ่า แถวๆ ถนนวงแหวน เส้นหลัง ม.พายัพ  อยู่ช่วงที่เลย  Big C  หางดง ลอดอุโมงค์ ไปนิดนึงครับ  อยู่ซ้ายมือ ก่อนถึง ร้านอาหารที่มีแกะเลี้ยงโชว์อยู่  ครับ
                              ระหว่างทางที่นั่งรถไป  ก็ได้รับการบอกเล่าจากน้องๆว่า  ร้านพิซซ่าร้านนี้ เค้าเรียกกันว่า  พิซซ่ายักษ์ครับ  เจ้าของเป็นคนอเมริกัน ที่มาจาก นิวยอร์ค ทำพิซซ่า สไตลส์นิวยอร์ค อร่อยเลยทีเดียว ที่บอกว่า  " พิซซ่ายักษ์  "    ก็เพราะที่นี่ทำ พิซซ่า หลายขนาดด้วยกันครับ  ตั้งแต่ใหญ่ที่สุด  ก็มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง มหึมาถึง  25 นิ้ว  ... แล้วลดหลั่น ลงมาเป็น    20 นิ้ว ,  16 นิ้ว  ,  14 นิ้ว  และ  10  นิ้ว  ให้เลือกได้ตามขนาดของ กระเพาะของผู้ร่วมโต๊ะครับ ... นอกจากนั้นยังมีอาหารฝรั่งแบบ   อิตาเลี่ยน (ผสมผสานกับ อเมริกัน)  เช่น สปาเก็ตตี้มีทบอล , สปาเก็ตตี้คาร์โบนาร่า , แซนวิส  , สลัด  และ อีกหลายเมนูเลยครับ













                               เมื่อแนะนำ ร้านพิซซ่า ก็ขอนำเอา  " ตำนานของการทำ พิซซ่า "  จาก วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี   มาให้อ่านกันครับ
                               กาลครั้งหนึ่ง ในสมัย กรุงโรม เรืองอำนาจ เป็นเมืองหลวงของ อาณาจักร โรมัน ... ได้มีผู้ค้นพบ หลักฐานที่มีการบันทึก เกี่ยวกับ การทำอาหาร  ในยุคนั้น (เกือบ 2,000 ปีที่แล้ว)  ไว้ว่า   " แป้งแผ่นกลมๆ บางๆ  .. ปรุงหน้า ด้วย น้ำมันมะกอก สมุนไพร น้ำผึ้ง วางบนหินร้อน ซักพัก ก็ สุก "    ซึ่ง สมัยนั้นเรียกว่า   " Placenta "  
ต่อมาในปี  ค.ศ.79  นักโบราณคดี  ขุดพบ ซากของ ร้าน พิซซ่า  ในเมือง ปอมเปอี  ที่ถูก ภูเขาไฟ  วิซูเวียส  ระเบิดใส่ และ จมอยู่ใต้ ลาวา
                               เวลา ล่วงเลย มานับเป็นพันปี  .. จนมาเมื่อประมาณ  200 ปี ที่แล้ว ที่ เมือง นาโปลี ซึ่งอยู่ติดกับ เมือง ปอมเปอี  .... ได้กลายเป็น เมืองต้นกำเนิด ของ พิซซ่า ในยุคปัจจุบัน ก็ว่าได้  ...  มีร้านขาย  พิซซ่า  เปิดขายเป็นร้านแรก ในโลก ชื่อร้าน    " พอร์ตอัลบ้า "  (Port Alba)  ... ซึ่งร้าน พิซซ่า ร้านแรกนี้  ก็ทำพิซซ่า คล้ายกันกับ การทำพิซซ่า ที่ถูกบันทึกไว้ ตั้งแต่ สมัยอาณาจักรโรมัน โดยเอาแป้ง มานวดเป็นแผ่นกลม  และ เอาน้ำมันมะกอก คลุกเคล้า กับ สมุนไพร อบในเตาที่ก่อด้วนหิน จากภูเขาไฟ วิซูเวียส (เนื่องจากหินจากภูเขาไฟ กระจายความร้อนได้สม่ำเสมอ)
                               ต่อมามึการพัฒนาการทำ พิซซ่า ขึ้นมาเรื่อยๆ โดยการเพิ่ม หน้าพิซซ่า ให้หลากหลายมากขึ้น จนในที่สุด   " นาย ดอน ราฟาเอล เอสโพสิโต "   เป็นคนแรก ที่ใช้ ชีส ใส่ในหน้าพิซซ่า  โดยใช้  มอซซาเรลล่าชีส  เป็นเครื่องปรุง  ..  และได้รับความ นิยมชมชอบ จากชาวเมือง นาโปลี ...  จนกลายเป็นเอกลักษณ์ ของ พิซซ่า ของเมืองนาโปลี ... และ แพร่หลายไปทั่ว ประเทศอิตาลี และ ทวีปยุโรป เลยครับ
                              พอช่วงหลังสิ้นสุด สงครามโลกครั้งที่สอง  ชาวอเมริกัน ที่เป็นทหารในสงครามโลก  ผู้ที่เคยเข้ามาลิ้มรส และ เรียนรู้การทำ พิซซ่า จากอิตาลี ... ได้นำเอา วัฒนธรรม การทาน พิซซ่า ไปเผยแพร่ ใน สหรัฐอเมริกา จนได้รับความนิยม ล้นหลาม ...  จนในที่สุด ก็เกิดบริษัท พิซซ่า ยักษ์ใหญ่ ที่มีสาขา ทั่วโลก  อย่าง  พิซซ่าฮัท  และ อีกหลายยี่ห้อ ...  ได้รับความนิยมแพร่หลาย ไปทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งประเทศไทยบ้านเราด้วยครับ
                              เอาละครับ .....  เล่ามาซะยาวเลยนะครับ ... อ่านมาเยอะ ก็เลยเอามาเล่า สรุปแบบ สั้นๆให้อ่านกันดู นะครับ













                            พอมาถึงที่ร้าน  PIZZA  N  PASTA   ผมก็เดินสำรวจ และ ถ่ายรูปไปทั่วร้าน  เห็นอุปกรณ์เครื่องครัว แล้ว  รู้ได้เลยครับว่า ไม่ธรรมดาครับ  ถ้าไม่แน่จริง  เจ้าของคงไม่กล้า ลงทุน ซื้ออุปกรณ์ เครื่องครัว มากมายและ ชุดใหญ่ ขนาดนี้แน่นอนครับ ... พอถ่ายรูปเสร็จก็มานั่งดู เมนู  เห็นเมนูแล้ว ถึงกับ  ครางเสียงเบาๆในลำคอ อืมมมมม  เลยครับ  ...
                          โดยเฉพาะ เมนู พิซซ่า  ที่มีให้เลือกมากมายเลยครับ ...  มีแป้งให้เลือกหลายแบบ เลยครับ  ทั้ง  แบบนิวยอร์ค   ,   แบบบาง  และ    แบบหนา ...  และ  ซ้อสที่ ราดมาบนแผ่นพิซซ่า ก็มีทั้ง   แบบที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน  PIZZA  N  PASTA   sauce (ซ้อสต้นตำรับ ของทางร้าน)   ,  SPICY  (ซ้อสสมุนไพรไทย รสจัดจ้าน)   และ   NEW YORK  (ซ้อสแบบใช้เครื่องเทศไม่มากนัก ผสมกับ ซ้อสมะเขือเทศนิดหน่อย  สไตลส์ที่เจ้าของร้านชอบเป็นการส่วนตัวครับ)
                           ส่วน  Topping   หรือ  หน้าพิซซ่า  ก็มีให้เราเลือก ทั้งแบบสำเร็จที่ทาง ร้าน เลือกนำเสนอไว้  หรือ เราจะเลือกให้เค้า ผสมผสานได้ตามชอบใจ  ก็ได้ครับ  ...   มีส่วนผสมให้เลือกมากมายครับ  ทั้ง Topping  แบบธรรมดา  เช่น  แฮม , ไส้กรอก(อิตาเลี่ยน)  ,  หมู  ,  ไก่  ,  ปูอัด  ,  หอมใหญ่  ,  สัปปะรด  , พริกหวาน  ,  เห็ดหอม  ,  มะกอก  ,  บร๊อคโครี่
                           นอกจากนั้นยังมี  Topping   แบบ  Premium  ให้เลือกได้ตามใจชอบอีกครับ  เช่น  Pepperoni  ,  กุ้ง  ,  ซาลามี่  ,  ทูน่า  ,  ปลาหมึก  ,  หอยเชลส์  ,  แอนโชวี่  หรือจะเป็น   เนื้อริบอาย  ,  พาร์ม่าแฮม  ,  ปลาแซลม่อน  เป็นต้น ครับ













                           เรามากันเกือบ  10  คนครับ  เลยแบ่งเป็นสองโต๊ะ  โต๊ะผม ทุกคน มอบหมายให้ผมเป็นคนสั่ง  ...  อืมมมม ... เข้าทางเลยครับ  ไม่รอช้าครับ  สั่งทันทีครับ  :

พิซซ่า ขนาด  25 นิ้ว ... หน้า  Meat Lover   เพิ่ม Rib-eye   ... ซ้อสก็เลือกตามตำรับของร้าน  Pizza N  Pasta  sauce  ครับ   ส่วนอีกครึ่งนึง  เป็นหน้า  Seafood  (สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อครับ)   ... แป้งบาง
พอยกมาเสิร์ฟ แทบจะเป็นลมเลยครับ  ใหญ๋มหึมาเลยครับ  แป้งกรอบอย่างที่คาดหวังไว้ครับ  หน้ากับซ้อส ลงตัวอร่อย จนชุดแรก ผมจัดการไปสองชิ้นแล้วครับ

สลัด  ...  เป็นสลัดผักแบบอิตาเลี่ยน  ที่ราดด้วย บาซามิควินีการ์ และน้ำมันมะกอก รสกลมกล่อม  เหมาะสำหรับ เอาไว้ตัดกับรสของ พิซซ่า ดีครับ

ผักขม อบชีส  ....  หน้าตาดีเลยครับ  รสชาติก็อร่อยดีครับ  แต่  ชีส เป็น ชีส เลยครับ คนชอบชีสต้องสั่งเมนูนี้เลยครับ  รับรองว่าถูกใจครับ

สปาเก็ตตี้ มีทบอล ... เส้นลวกกำลังดีเลยครับ  แต่หน้า มีทบอล ออกเป็นสไตลส์นิวยอร์คมากกว่า อิตาเลี่ยน ครับ

ปีกไก่  Spicy  ... รสชาติเอาใจคนไทยครับ

เราสั่งชุดแรกมาแค่นี้ก่อนครับ  ผมเหลือบไปเห็น โต๊ะน้องๆด้านข้าง  มีเมนูที่ผมไม่ได้สั่งอยู่อย่างนึงครับ
Ravioli   หรือ เกี้ยวแบบอิตาเลี่ยน ราดด้วยซ้อสมะเขือเทศสูตรพิเศษ  ที่ทางร้าน ทำเอง ... ก็อร่อยดีครับ
เราทานกันแบบ ไม่พูดไม่จากันเลยครับ  ตอนแรกที่สั่งเกรงว่า จะทานไม่หมด แต่เผลอแป๊ปเดียวครับ  ไม่มีอะไรเหลือครับ  แต่ผมแอบสั่ง  พิซซ่า  Meat Lover  เพิ่ม  Rib-eye  แป้งบาง  ขนาด  10 นิ้ว  มาเพิ่มอีก 1 ครับ  (อร่อยจนต้องแอบสั่งมาเพิ่มเลยครับ)












                     
                                  อาหารเกือบทุกจานที่สั่ง  ถือว่าอร่อยเลยหละครับ  ส่วนราคาผมว่าสมเหตุผล  และคุ้มค่ากับคุณภาพ  และ รสชาติที่ได้ทานครับ  ... ราคา  พิซซ่าทั่วไปของทางร้าน  ก็มีดังนี้ครับ  
10" = 250   ,   14"  =  360   ,   16" = 480   ,    20" = 600    ,    25' = 960    ส่วน  Topping  ที่สังเพิ่มก็คิดราคา เพิ่มเติม ตามสิ่งที่สั่งเพิ่ม (ร้านเค้ามีรายละเอียดของ เมนูต่างๆ  อย่างละเอียดครับ)

                                  นอกจากรับประทานที่ร้านแล้ว  เค้ายังมีบริการส่ง ในรัศมี  5 ก.ม.  อีกด้วยครับ  ลองแวะไปชิมกันดูนะครับ  พิซซ่า ยักษ์   PIZZA  N  PASTA   :   053-806-077  ,  081-883-8977  
หรือจะลองเข้าไปดู รายละเอียดได้ที่   www.pizzapastacnx.com  
หรือ  ใน  Facebook  :  PIZZA N PASTA CHIANG MAI


แผนที่ร้านอาหาร ที่เขียนแนะนำไว้ใน    " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM 


ป๋าปึกส์ 
07/02/2556

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun