Translate

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แหลมหิน ซีฟู้ด .... ภูเก็ต

แหลมหิน ซีฟู้ด  ....   ภูเก็ต



" ฉันคิดไปเป็นชาวเกาะ  ....  มีชีวิตกลางแดดและคลื่นลม  ....  จะจูบอำลาสังคมแสงสีในเมืองนภา
**   หากเบื่อชีวิตในเมืองกรุง  ....  และคิดใจมุ่งแสวงหา  ....  มีธรรมชาติในวิญญาตามฉันมาเป็นชาวเกาะเอย
***   ชั่วชีวิตในเมืองกรุง  ....  ทำกันวุ่นคิดกันแทบบ้า  ....  แรงเอาแลกพอที่ได้มาดูมันไร้ค่าเวลาเสียเอย "

อย่าเพิ่ง งง  นะครับ    ผมไม่ได้มาเขียนเรื่อง เพลง  หรือ มาแต่งกลอน อะไรทั้งสิ้น นะครับ
แต่ผมว่า  คนที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกันกับผม   ก็น่าจะพอคุ้นเคยกับเพลงนี้ นะครับ
เวลา  ผมไปเที่ยวทะเล  โดยเฉพาะ ไปเที่ยว เมืองที่เป็นเกาะ ทีไร   ก็มักจะนั่ง  ฮัมเพลงๆนี้  ...  เวลาที่นั่งรถผ่าน ชายทะเล หรือ ชายหาดแทบทุกครั้ง เลยครับ
ขนาดกำลังนั่งเขียนแนะนำ ร้านอาหาร ร้านนี้ ... ยังนั่ง ฮัมเพลงนี้ ไปด้วยเลยครับ  ...  55555
เผอิญ ร้านอาหารทะเล ที่จะแนะนำร้านนี้อยู่ ริมทะเลครับ  อยู่ในทะเลใน ของ เกาะภูเก็ต ครับ













ผมชอบไปเที่ยว ภูเก็ต เพราะว่ารู้จักเพื่อนๆ ชาวภูเก็ต เยอะทีเดียวครับ
ไปทีไร เพื่อนๆ ก็หาร้านอร่อยๆ  ใหม่ๆ มาแนะนำ หรือไม่ ก็มารับ ไปทานอยู่เป็นประจำครับ
ผมมาเที่ยว ภูเก็ต นับสิบเที่ยวเห็นจะได้  แต่ไม่เคยมาทาน ร้านเก่าแก่ร้านนี้เลยซักทีครับ   ส่วนมากเวลามาทีไร ก็ไม่ค่อยได้เลือกร้านที่จะไปทานเท่าไหร่นักครับ  ...  ส่วนใหญ่ พรรคพวกเป็นคนเลือก ร้านมาให้ผมไปทานหมดทุกครั้งเลยครับ
" แหลมหิน ซีฟู้ด "    ร้านอาหารทะเลเก่าแก่ ร้านนึงของเมืองภูเก็ตเลยทีเดียวครับ  
 ตั้งอยู่ริมหาด แหลมหิน  บนชายฝั่งตะวันออก ของเกาะภูเก็ต ที่เป็นท่าเรือสู่ เกาะมะพร้าว
ร้านนี้มีระเบียงยื่นไปในทะเล  บรรยากาศยามเย็น เหมาะกับการสังสรรค์ ดีซะเหลือเกินครับ
อาหารทะเลสดๆ  ...  เครื่องดื่มเย็นๆ  ...  ทานไปมองดูเรือไป   ตกเย็นจะเห็นเต็มไปด้วย นักท่องเที่ยวที่กลับจาก การไปเที่เกาะแก่ง ต่างๆ
แน่นอน ครับ  .....  มาร้านนี้ ต้องอาหารทะเล ล้วนๆครับ
ที่สำคัญ ทางร้าน เค้ามีกระชังปลา กลางทะเล ที่เรียงราย ระหว่าง ท่าเรือแหลมหิน กับ เกาะมะพร้าว
เพื่อเก็บ กุ้ง หอย ปู ปลา  สดๆ   มาไว้บริการลูกค้าที่ร้านเองอีกต่างหากครับ

สำหรับรายการอาหารร้านนี้ ที่  ไม่ควรพลาดมีดังนี้ ครับ 

ปูม้านึ่ง   ...........   แน่นอนครับ  มาร้านริมทะเลแบบนี้  ไม่ทานปูม้านึ่ง ดูจะขาดอะไรไปซักอย่าแน่นอนครับ ...  ปูม้า จากท้องทะเลอันดามัน  ผมว่าให้รสชาติที่แปลกและแตกต่าง กันกับ ปูม้าในอ่าวไทย พอสมควรเลยครับ  ....  ปูนานาชนิด ในฝั่งอันดามัน ดูเหมือนจะ  เนื้อหวานกว่า ปูในฝั่งอ่าวไทยบ้างเล็กน้อย ...  น่าจะเป็นเพราะอุณหภูมิของน้ำ ทีแตกต่างกันมั้งครับ  ...  ปูแต่ละตัว  เป้งๆทั้งนั้นเลยครับ  นึ่งมาสดๆ เนื้อแน่น  จิ้มกับน้ำจิ้มสามรส  ของร้านนี้เข้าไปหน่อย  ... เล่นเอา  ฝรั่งเพื่อนผม ทานเข้าไปแล้ว  ร้องอุทานเป็นภาษาใต้เลยครับว่า    " หร๋อย จั่ง หู๋ส์สสสส "













หอยแมงภู่อบ   ..........  อีกชนิดนึง  ที่สดจนเนื้อหวานครับ  ขนาดหอยไม่ใหญ่มากนัก  แต่ก็ดีตรง ภู่ ของหอย  ก็อันเล็กลงด้วยครับ   ...  อบหม้อดินโรยหน้ามาด้วย โหระพา  อร่อยชื่นใจดีครับ

น้ำพริกกุ้งเสียบ   ..........  อีกหนึ่งเมนูที่ขาดไม่ได้เวลามาเที่ยวเกาะภูเก็ต เลยครับ  ... ไม่ว่าร้านอาหารทะเล  ร้านอาหารปักษ์ใต้ จะเป็นในเมือง หรือ ชายทะเล ก็มีเมนูนี้  แทบทุกร้านเลยครับ  จะเรียกว่า อาหารประจำเมืองภูเก็ต ก็น่าจะได้  ...  แต่  ผมว่า น้ำพริกกุ้งเสียบ  จะต่างกันก็ตรง  รสชาติของ น้ำพริก นี่แหละครับ  ...  น้ำพริกของร้านนี้  เค้าเลือกใช้ กะปิอย่างดี  กลิ่นหอมฉุย  รสชาติน้ำพริก จะมีรสเปรี้ยวนำหน้า แทรกมากับ รสเค็ม เล็กน้อย ...  ช่วยทำให้ รสชาติของ กุ้งเสียบที่กรอบๆ  เด่นขึ้นมาอีกเยอะทีเดียวครับ  ...  น้ำพริกกุ้งเสียบเสิร์ฟมาพร้อมกันกับผักนานาชนิด  ...  แต่ที่เด็ดที่สุดก็   ถั่วงอกดอง  นีแหละครับ  ...  เป็นถั่วงอกที่ปลูกจากถั่วลิสงชนิดนึง เอามาดองออกรสเปรี้ยวนำเค็ม   ทานกับน้ำพริกกุ้งเสียบ ช่างเข้ากันดี  เหลือเกินครับ













หอยหวานผัดน้ำพริกเผา  ..........  หอยหวาน สดๆ มาผัดกับน้ำพริกเผาที่ปรุงรสมาอย่างลงตัว  ..  รสชาติดี  หอยหวาน  สุกกำลังดีเลยครับ  ...  น้ำผัด อร่อยกลมกล่อมสุดยอดครับ
จานนี้นี่แหละครับ  ที่เล่นเอาซะผมต้องปลดตะขอกางเกงเลยครับ   ก็แค่เอาน้ำผัด ที่ผัดกับน้ำพริกเผาราดบนข้าวสวยร้อนๆ  ผมก็จัดการ ข้าว ไปเกลี้ยง ซะหนึ่งจานแล้วครับ  ....  อย่าลืมสั่งมาลองนะครับ

ปลากระพงทอดน้ำปลา   ..........   จานนี้ผมเสียดายมากครับ  ทั้งโต๊ะไปกัน 12 คน ผมดันสั่งมาแค่ 2 ที่  ... พออาหารเริ่มยกมาวางบนโต๊ะ  2-3 อย่าง   ผมก็มัวแต่ถ่ายรูปอาหาร  ...  พอหันกลับมาดูอีกที  มีเหลือให้ผมพอดีคำเลยครับ  ...  แค่พอตักชิม ไม่ต้อง ราดน้ำยำ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้ม ก็อร่อย จนหันไปบอกเด็กเสิร์ฟทันที ว่า    " น้อง จัดมาอีกหนึ่ง "  เลยทีเดียวครับ

แกงส้มเนื้อปลา ใส่ยอดมะพร้าว   ...........  บางแห่งก็เรียกแกงแบบนี้ว่า แกงส้ม ... บางแห่งก็เรียกว่า แกงเหลือง  ...   แต่ไม่ว่าใครจะเรียกว่าอะไร  ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ครับ  ผมสนใจอย่างเดียวเท่านั้นครับ  จานนี้ลืมสั่งไม่ได้โดยเด็ดขาดครับ  .... รสชาติ เร้าใจ สะใจ จัดจ้านเข้มข้น ดีจริงๆ ครับ  ... แนะนำว่า ต้องสั่ง เบือทอด หรือ ไข่เจียว มาเป็นตัวช่วยเลยครับ

เบือทอด   ..........  อาหารพื้นเมืองของเมืองชายทะเลอันดามันแถบนี้เลยครับ  ..  เบือ เป็น ส่วนผสมหลักระหว่า  กุ้งและหญ้าช้อง  แล้วเอาไปผสมแป้งทอด จิ้มกับ น้ำจิ้ม บ๊วยเจี่ย เข้ากันดีครับ  เหมาะสำหรับ ทานแก้กันดี กับ แกงเผ็ดๆ ของอาหารใต้อย่างยิ่งครับ    

ยังมีรายการอาหารอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ทานเที่ยวนี้ครับ  แต่เท่าที่ลิ้มรสมือพ่อครัวร้านนี้แล้ว มั่นใจว่า น่าจะอร่อยทุกจานครับ   ....   สนนราคา กำลังดีครับ  คุ้สและไม่แพง เมื่อเทียบกับ รสชาติและ ความสดครับ

ร้านนี้เปิด บริการทุกวันครับ  ตั้งแต่  10.00 น.   -   22.00 น.
ไปไม่ถูกจะถามทาง หรือ สำรองที่นั่ง ก็โทรไปที่     076-239-357  


แผนที่ร้านอาหาร ทั้งหมดที่ผมเขียนแนะนำ ไว้ใน   " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดยป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM



ป๋าปึกส์
23/06/2557
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun



วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตำแซบ พันนัว ... หลัง ม.พายัพ ... เชียงใหม่

ตำแซบ พันนัว ... หลัง ม.พายัพ ... เชียงใหม่


" ตำแซบ ตำนัว "   ......   ชื่อร้าน ก็ค่อนข้าง จะบอกชัดเจน อยู่แล้วนะครับ ว่า ต้องมี ส้มตำ เป็นอาหารหลัก ของร้าน
ส้มตำ เป็นอาหารคาว ที่มีถิ่นกำเนิด มาจาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ ไทย และ ประเทศลาว
ส้มตำ  หรือ ในภาษาลาว เรียกว่า ตำหมากหุ่ง (หมากหุ่ง หมายถึง มะละกอ)  
ส้มตำ ... ที่เรารู้จักกันในบ้านเรา ส่วนใหญ่  จะนำ มะละกอดิบ มาขูด หรือ มาสับเป็นเส้น แล้วนำมาตำในครก กับ มะเขือเทศลูกเล็ก , ถั่วลิสงคั่ว , กุ้งแห้ง , พริก , กระเทียม
ปรุงรสด้วย น้ำตาลปิ๊บ น้ำปลา ปูดอง ปลาร้า ให้มีรส เปรี้ยว เผ็ด เค็ม
นิยมทานกับ ข้าวเหนียว , ขนมเส้น (ขนมจีน) และ ผักสด
ส่วน  ส้มตำ ... ในประเทศลาว จะเลือกใช้วิธีการทำ มะละกอ ที่แตกต่างกับของไทย ก็ตรง การหั่นมะละกอ โดย ฝานเป็นแผ่น แทน การขูดหรือ สับ เป็นเส้น
ส่วนเครื่องปรุง และ วิธีการทำ ค่อนข้างเหมือนและคล้ายกัน
แตกต่างกันเล็กน้อยที่รสชาติ ที่ ส้มตำไทย โดยเฉพาะ ส้มตำอิสาน  ซึ่ง จะจัดจ้าน และ เข้มข้น และ เผ็ดแบบดุดันมากกว่า














ระยะหลังๆ  ในช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา  ในบ้านเราเกิดความนิยม ทานส้มตำกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง  โดยเฉพาะ หนุ่มๆ สาวๆ  ที่หันมานิยมรับประทาน เพราะมองว่า ส่วนผสมและเครื่องปรุง ที่ใช้ในการทำส้มตำ ไม่ค่อยมี วัตถุดิบ ที่ทำให้เป็นต้นตอการเกิดของ โรคอ้วน เท่าไหร่นัก
ร้านส้มตำ เริ่มเปิดกันทุกหัวระแหง ทุกมุมเมือง
แต่ ส้มตำ ที่ค่อนข้าง ได้รับความนิยมที่สุด  ก็ น่าจะเป็น   " ส้มตำอิสาน "    รสจัดจ้าน  ที่มี ปูนาดอง และ ปลาร้า
จนมาเมื่อซักประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา   ...  เริ่มมี  ส้มตำลาว และ ส้มตำหลวงพระบาง เข้ามาได้รับความนิยมมากขึ้น มาเรื่อยๆ  ...  จนในปัจจุบัน มีร้านส้มตำ หลวงพระบาง  ส้มตำลาว เริ่มเปิดกิจการในเมืองหลวง และ ในเมืองใหญ่ๆ  โดยเฉพาะเมืองที่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย  คงเนื่องจาก คนวัยกำลังศึกษา เป็น กลุ่มเป้าหมายหลัก ของ ตลาดส้มตำ มั้งครับ
ผมเอง เคยทานส้มตำลาวครั้งแรก ที่ หลวงพระบาง เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว  ...  ครั้งแรกที่เห็น ก็รู้สึกแปลกๆ  กับ เส้นมะละกอ ที่ฝานบางๆ เป็นแผ่นๆ  และ สีของน้ำส้มตำ ที่ค่อนข้างออกสีเทาดำ  แต่สิ่งที่เย้ายวนที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องของ กลิ่นส้มตำ  ที่ใส่ปลาร้า













เมื่อซัก อาทิตย์ที่แล้ว มีลูกน้องเก่า คนนึงที่เคยไป หลวงพระบางกับผม มาบอกผมว่า
" ป๋า .... มีร้านส้มตำลาว ร้านนึง เปิดมาไม่นาน อยู่หลัง ม.พายัพ  .. อร่อยเหมือนร้านที่พวกเราไปทาน ที่หลวงพระบาง เลย ครับป๋า "
เท่านั้นเอง ครับ  .....  ผมตรงไปลองเลยครับ
และ เป็นเรื่อง บังเอิญเหลือเกินครับ  ... ก่อนที่ผมจะไปทาน ร้านนี้ สองสามวัน ผมไปเดินหาซื้อสุขภัณฑ์ เพื่อใส่บ้านผม ที่ร้าน โฮมสุขภัณฑ์  บนวงแหวน หลัง ม.พายัพ
ระหว่างเดินซื้อของ  มีผู้ชายคนนึง เดินผ่านแล้ว ยิ้มให้ผม (ตอนแรก นึกว่า เอาละบ๊ะเฮ้ย ..  มีผู้ชายมายิ้มให้ด้วย เฟร้ย 5555)  
แกยิ้มให้ผม แล้วเดินเข้ามาทักเลยครับ   " ป๋าปึกส์ รึเปล่าครับ "  ...  โอวววว   โล่งอกไปครับ  555
แกบอกว่าแกเป็น  Fanclub ของผม อ่าน Facebook ผมเรื่องแนะนำ ร้านอาหารทุกวัน  ...  แกจัดแจงแนะนำ ตัวเองเลยครับ
" ผมชื่อ ช้าง ครับ  .. ผมเป็นคนลาวครับ ติดตามป๋ามาตลอด ตอนนี้มาเปิด ร้านส้มตำอยู่หลัง ม.พายัพ นี่เองครับ  อยากให้ ป๋า ลองไปชิม ซักครั้งนึงครับ อร่อยถูกใจ หรือไม่ ไม่เป็นไร ครับ  แค่อยากให้อยากชิมครับ "
นี่แหละ ครับ  คนลาว ครับ  เว้ากันซื่อๆ  ไม่มีอ้อมค้อม ครับ ... ผมเลยขอเบอร์แก และ บอกแกเลยว่า
" ห้ามเลี้ยงผมนะ เพราะผมมีตังค์ "   ...  แกหัวเราะ ลั่น โฮมสุขภัณฑ์ เลยครับ  
วันรุ่งขึ้น  ผมตรงไปลอง เลยครับ   แล้วเอารูปมา Post  ลงใน Facebook  แต่ยังไม่ได้เขียน

จนมา เมื่อวานตอนเย็น  ผมไปอีกรอบนึงครับ
ผมไปพร้อมกับ  เจ้าโอ๋ (สถาปนิก นักชิม ที่ไปชิมกันมากว่า 50% ของร้านในเชียงใหม่ ที่เขียนมาทั้งหมดครับ)   ก็เลย สั่งกันแบบไม่ยั้งเลยครับ
พอสั่งเสร็จ เหลือบไปเห็น   เสี่ยช้าง  เจ้าของร้าน นั่งอยู่ในร้าน  ผมเลยบอกเด็ก ให้ไปเชิญ  คุณช้าง มานั่งคุย และ นั่งทานด้วยกันเลยครับ
แล้วก็  กำชับบอก เสี่ยช้าง (เจ้าของร้าน) ไว้ว่า  
" ถ้าคุณไม่คิดเงินผม  ต่อให้อร่อยแค่ไหน ผมก็ไม่เขียนครับ "  
เสี่ยช้าง  แกชอบใจใหญ่ครับ แกบอกว่า  " คนไทยก็  คือ คือ กับ คนลาวนะครับ เว้ากัน ซื่อ ซื่อ ดีครับ "   ไปสองวันติดต่อกัน  ขอบอกว่า  อาหารที่สั่งมา  อร่อย แบบไม่ผิดหวังเลยซักจาน เลยครับ













ส้มตำหลวงพระบาง   ..........   ส้มตำที่ใช้มะละกอฝาน เป็นแผ่นบางๆ  คลุกเคล้าและตำ จนน้ำตำสีออกเทาดำ  หอมกลิ่นปลาร้าฟุ้ง มาเลยครับ
หอมจน ผมต้องหันไปถาม   คุณช้าง(เจ้าของ)  ว่า    " ใช้ปลาร้า จากที่ไหน "
แกบอกว่า   " Import ครับป๋า  ส่งตรงจากเวียงจันทร์  เพราะที่นั่นเข้าใช้ปลาจากธรรมชาติ มาทำปลาร้า ไม่ใช้ปลาเลี้ยงครับ รสชาติและกลิ่น จะดีกว่า ปลาเลี้ยงครับ "
ผมเห็นด้วยครับ  หอมและ อร่อยกว่าปลาร้าบ้านเาจริงๆ ครับ
รสชาติ กลมกล่อม แต่ไม่จัดจ้านเข้มข้น เหมือนส้มตำอิสาน บ้านเฮานะครับ  ...  แต่ทางร้านเค้ามี ส้มตำอีกหลายชนิด รวมไปถึง แบบ แซบ สุดๆ  ก็มีครับ

ตำถาด   ...........   ส้มตำ (สามารถเลือกชนิดของ ส้มตำได้ ตามสบายครับ)  ที่วางอยู่กลางถาด รายล้อมด้วยเครื่องเคียง  คล้ายๆ ออร์เดิฟเมือง ของบ้านเรา   ...  แต่จานนี้หลังจากทาน ส้มตำหลวงพระบาง จานแรกแล้วติดใจ เราก็เลยเลือกส้มตำแบบเดิม ซ้ำอีกครับ  ...  ส่วนเครื่องเคียงก็มี  จิ๊นส้ม(แหนม)  ,  หมูยอ , หมูทอด , แคบหมู , ขนมเส้น , หมี่คั่ว , ไข่ต้ม  และ คั่วหมี่
จานนี้ จริงๆแล้ว ถ้าไป สองคน  ก็น่าจะอิ่มเลยครับ  ...  แต่ผมสองคน ไม่อิ่มครับ  สั่งต่ออีกหลายอย่างครับ

พันปลาจุ่ม   ..........   จานนี้ คล้ายๆ จิ้มจุ่ม ผสมกั แหนมเนือง  ...  มีหม้อใส่น้ำซุป รสอร่อยสีน้ำตาลใส หอมกลิ่น สมุนไพร  ... เสิร์ฟมาพร้อม ปลาคัง แล่เป็นชิ้นบางๆ โรยหน้ามาด้วยไข่ไก่  และ เครื่องเคียง ที่มีทั้ง มะม่วงเปรี้ยว กระเทียม ขิง พริก แตงกวา ขนมเส้น ฯลฯ  ...  พร้อม แป้งห่อแบบแหนมเนือง และ ผักสด (เพี๊ยบ และ สดมากครับ)  ... และ น้ำจิ้ม 2 แบบ  .. แบบ original เป็น น้ำจิ้ม สัปปะรดตำ ใส่ ปลาร้า ปรุงรสด้วยพริก กระเทียม  อร่อยแบบ ถ้าไม่ลองต้องถือว่าพลาดเลยครับ  .. ส่วนน้ำจิ้มอีกชนิด เป็น น้ำจิ้มสามรส
วิธีทาน ก็ต้องเอา ปลาคังลงไปลวกในน้ำซุป  แล้วเอาลงมาวาง ในแผ่นแป้ง ใส่เครื่องเคียง ทั้งมะม่วง ขิง พริก กระเทียม  ราดด้วยน้ำจิ้ม สัปปะรด  ทานแกล้มกับผักสด  .....  โอวววววววว  หร๋อยจั่งหู๋ ครับ
ผมชอบน้ำซุป ตอนเราลวกปลาไปหมดแล้ว เอา  ขนมเส้นใส่ลงไป  ราดด้วยน้ำจิ้มสะปะรด  ... แซบอีหลี  จริงๆ ครับ  .. พวกผมสองคน ซดจนไม่มี น้ำซุปเหลือดติดหม้อ เลยครับ

ใส่อั่วตะไคร้  ...........   ไส้อั่วแบบลาว ใส่ใน ต้นตะไคร้ที่ผ่าออก แล้ว ยัดไส้อั่ว ลงไปด้านใน แล้วเอาไปทอด  ....  ความกลมกล่อมของรสชาติของไส้อั่ว กับ กลิ่นหอมๆ ของตะไคร้  ....  ไร้เทียมทานจริงๆ ครับ






ยังมีอาหารน่าทานอีกหลายอย่าง ที่ยังไม่ได้ลอง เที่ยวนี้ทานจนไม่มีพื้นที่ ในกระเพาะเหลืออีกแม้แต่น้อยครับ
ที่ เล็งๆว่า จะต้องมาลอง มีอีกหลายอย่างครับ  ทั้ง บี่บุ๊นหมู , ป่อเปี๊ยทอด , ป่อเปี๊ยสด , เฝอ ฯลฯ
มีอีกหลายรายการ ที่น่าลองครับ
ผมเล่าให้คุณช้าง  ฟังว่าตอนที่ผมมาครั้งแรก แล้วเอารูปมา Post  ลงใน Facebook
มีคนคอมเม้นท์ มาว่า  อาหารที่นี่ช้ามาก   และ   แพง
แต่ครั้งแรกที่ผมไปก็ไม่เห็นช้าอย่างที่เค้าว่ากัน
คุณช้าง   เล่าว่า ช่วงเปิดใหม่ๆ เค้าใช้นักศึกษา ที่มาทำงาน Part time  พอ มหาวิทยาลัย ปิดเทอม  คนก็ขาด อาจช้าไปบ้าง  ตอนนี้เค้าใช้พนักงานประจำ มาทำงานแล้ว  ฝากขออภัยมาด้วย
ส่วนเรื่อง ราคา ที่มีคนบ่นว่าแพง  ... ผมไม่ได้ถามครับ  ...  เพราะเท่าที่ทานแล้ว วัตถุดิบ ที่เค้าเลือกใช้ ผมมองว่า สมกับ ราคาครับ

ร้านนี้อยู่ที่  V-community   บนถนนวงแหวน  หลัง  ม.พายัพ เลยครับ
ร้านนี้เปิดตั้งแต่    10 โมงเช้า  ไปจนถึง  20.30 น.  เลยครับ
ช่วงเที่ยง คนค่อนขางเยอะมากนะครับ  ไปก่อนเที่ยง หรือ หลังเที่ยง น่าจะพอมีที่ว่างนะครับ
หรือ จะโทรไปจองที่นั่ง หน่อยก็ดีครับ     053-126-075   และ   089-758-4408

ลองเปิดดู รายละเอียด ของร้านนี้ ได้ที่
https://www.facebook.com/pages/ตำแซบ-พันนัว

ลองแวะไปชิมกันดู นะครับ


แผนที่ร้านอาหาร ทั้งหมดที่ผมเขียนแนะนำ ไว้ใน   " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดยป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM




ป๋าปึกส์
20/06/2557


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun






วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ร้านอาหารปักษ์ใต้ พัทลุง .. ถนนเลียบคลองชลประทาน .. เชียงใหม่

ร้านอาหารปักษ์ใต้ พัทลุง  ..  ถนนเลียบคลองชลประทาน .. เชียงใหม่  












                             แกงไตปลา  ...  แกงเหลือง  ...  ปลาทอดขมิ้น  ...  คั่วกลิ้ง  ...  ผัดสะตอ  ...  ห่อหมก  ...  แกงส้ม  ฯลฯ  ..   รายการอาหารปักษ์ใต้  ยอดนิยมที่มีขาย  เหมือนกันเกือบทุกร้าน ใน ร้านอาหารปักษ์ใต้
แต่  แต่  แต่ .....   รสชาติจะต่างกันยังไง ?   ....  สัมผัสได้มั้ย ?
ต่างกันครับ  ........  สัมผัสได้ครับ
โดยเฉพาะ  คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใน ภาคใต้ ของประเทศไทย
สำหรับ คนปักษ์ใต้แล้ว  ถ้าหากเข้าไปทานอาหารปักษ์ใต้แล้ว  ไม่เห็นป้ายร้าน ที่ระบุ ที่มาที่ไป ของร้านนั้นๆ  ...  ผมเชื่อว่า  เค้าพอจะคาดเดาได้ครับว่า   อาหารร้านนั้น  มีที่มา  มาจาก  จังหวัดไหน  ครับ
ด้วยรสชาติ  ...  ด้วยเครื่องแกง  ...  ด้วยเครื่องปรุง   ก็พอจะบอกเอกลักษณ์  ของ อาหารในแต่ละ จังหวัด ได้ครับ
ถ้าสังเกตุ ดีๆ  อาหารปักษ์ใต้  รสชาติ และ ความเข้มข้น  จะต่างกัน  จะคล้ายกัน ก็มาจากที่มา นีแหละครับ
ภูมิประเทศ ที่จังหวัดนั้นๆ ตั้งอยู่นะครับ  ... และ  คนส่วนใหญ่  ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนั้นๆ  ... จะเป็น ตัวแปร ของรสชาติอาหาร ในท้องถิ่น นั้นๆ ครับ














ที่ผมพอจะรู้เรื่อง  อาหารปักษ์ใต้  ก็เพราะ บรรพบุรุษของผม เป็นชาวปักษ์ใต้ ทั้งสองฝั่งเลยครับ
ทางด้าน คุณพ่อ ... เริ่มตั้งแต่รุ่น คุณทวด (ก๋ง)  เป็น ชาวปัตตานี  ครับ
ส่วนทางด้าน คุณแม่  เป็น คน สงขลา มาตั้งแต่รุ่นทวด (ก๋ง)  เช่นกันครับ
ทั้งพ่อและแม่ เป็น ข้าราชการ(แพทย์)  ที่ต้องย้ายที่ทำงานตามวาระ  ไปหลายๆจังหวัดในภาคใต้
แต่ท่านก็ส่งพวกผมเข้ามาเรียนใน โรงเรียนประจำ ที่กรุงเทพฯ  พอปิดเทอมพวกผม ก็กลับไปอยู่กับท่าน ทุกๆปิดเทอม  เลยมีโอกาสได้ สัมผัส การใช้ชีวิต และ การทานอาหารปักษ์ใต้ มาหลายจังหวัดเลยครับ
ผมพอจะแบ่ง ความคล้ายคลึง ของอาหารปักษ์ใต้ได้เป็น  โซนๆ ครับ
ระนอง .. พังงา .. ภูเก็ต .. กระบี่ (อันดามันตอนบน)
ตรัง .. สตูล  (อันดามันตอนล่าง)
สุราษฯ .. นครศรีฯ   (อ่าวไทยตอนกลาง)  ก็ คล้ายกันครับ
พัทลุง  ....  ไม่เหมือนใครเลยครับ
สงขลา   .. ปัตตานี .. ยะลา .. นราธิวาส  ก็ ต่างกันไปอีกครับ

ส่วน อาหารปักษ์ใต้ จาก พัทลุง ...  ผมว่าเป็นหนึ่งใน  อาหารปักษ์ใต้  ที่ ค่อนข้าง  จะใช้เครื่องเทศ เครื่องแกง ที่จัดจ้าน จนทำให้ รสชาติค่อนข้าง เข้มข้นดุดัน  ไม่แพ้อาหารปักษ์ใต้ ในจังหวัดอื่นๆ  เลยทีเดียวครับ
วันนี้ ผมเลย เอา  ร้านอาหารปักษ์ใต้ พัทลุง   มาแนะนำ ครับ













ร้านที่แนะนำวันนี้ เป็นร้านที่เป็น พี่น้อง กับ ร้านอาหารปักษ์ใต้พัทลุง ที่หลังตลาดต้นพยอม ด้านริม คันคลอง ชลประทาน  หรือ ที่ลูกค้าประจำ จะรู้จักกันอีกชื่อนึกว่า   " ร้านป้าตุ๊ก "
เมื่อ ซัก 2-3 ปีกว่าเห็นจะได้  ผมเจอ ป้าตุ๊ก ที่ร้านเดิม ...  ป้าตุ๊ก บอกผมว่า จะย้ายร้าน และ จะกลับไป พัทลุง  ... หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ลิ้มรสมือ ของป้าตุ๊กอีกเลย มานานกว่า 3 ปีแล้วครับ

จนมา ซัก 2 ปีที่แล้ว ขับรถผ่าน เส้นคันคลองชลประทาน จาก สนามกีฬา 700 ปี มุ่งหน้าเข้าเมือง  ... พอถึง แยกที่มีไฟแดงมาติดใหม่ เพื่อข้ามคันคลองไปทาง ช่างเคี่ยน  ก่อนถึงโค้ง หักศอก ที่แยก ทางขึ้นดอยสุเทพ  ....  ก็มองเห็นป้ายร้านนี้    " อาหารปักษ์ใต้ พัทลุง "   แล้วก็ไม่ได้แวะ ซักทีเลยครับ  เพราะผ่านทีไรก็ ทานข้าวมาแล้วทุกที ครับ

มาเมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา   .... ผมตั้งใจ ไปทานเลยครับ  ไปถึงตั้งแต่ก่อน 11 โมง
ไปถึงก็ได้มี โอกาสคุย กับ เจ้าของร้าน ที่ เป็นน้องชาย ของป้าตุ๊ก  ซึ่งบอกว่า ป้าตุ๊กกลับไปอยู่พัทลุงแล้ว  .....  แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคของ  ความอร่อยเลยครับ
น้องชายป้าตุ๊ก   ทำอาหารได้จัดจ้าน อร่อยไม่แพ้กันเลยครับ
ร้านนี้กว้างขวาง นั่งสบาย มีที่นั่งหลายสิบโต๊ะ  ... แต่แนะนำว่า ไปก่อนเที่ยงซักนิดนะครับ
ช่วงเที่ยง คนเยอะมากครับ
ส่วนอาหารของร้านนี้  ที่   ถ้าวันไหน ผมกลับไปอีกครั้ง   รับรองว่า จะไม่พลาดเลย    มีดังนี ครับ


แกงไตปลา  .........  จัดจ้าน เร้าใจ ครับ  แนะนำว่า ควรสั่งอะไรอย่าง พวกไข่พะโล้ หรือ หมูหวาน มาแก้เกี้ยวกับ ความจัดจ้านด้วยนะครับ

ปลาทอดขมิ้น   ..........  จานเด็ดของร้านนี้เลยครับ  ปลาสด ขนาดกำลังดี ถึงเครื่อง  แค่เอาขมิ้นกับกระเทียมทอด มาทานกับข้าว ยังอร่อยเลยครับ

หม่อหมก  .........  เครื่องแกง และ หัวกระทิ สัดส่วนกำลังดีเลยครับ หอมเครื่องแกง และ ได้รสมัน ของหัวกระทิ อร่อยแบบ สมดุลดีครับ

แกงขี้เหล็ก  .........  จานโปรดห้าดาว ของผมเลยครับ  จัดจ้าน ใบขี้เหล็กเยอะจุใจ  ดีครับ

น้ำพริกกะปิ  ...........   ทานคู่กับ ผักสดนานาชนิด ที่เสิร์ฟไว้บนโต๊ะ  รสเปรี้ยวนำหน้าเล็กน้อน จิ้มกับผักสดทานเปล่าๆ ยังอร่อยเลยครับ

แกงเหลือง  ...........  บอกคำเดียวครับ  อย่าพลาด ครับ

ต้มกระดูกหมู ผักกาดดอง   ...........  อาหาร คู่แก้ว คู่ขวัญ ของร้านอาหารปักษ์ใต้ ครับ
จานนี้เหมาะสำหรับ แก้ความร้อนแรง ของ อาหารร้านนี้ ที่สุดเลยครับ















ยังมีรายการอาหารอร่อย อีกหลายจานที่ผมยังไม่ได้ลอง  นับแล้วเกือบ  30 อย่าง เลยครับ
แต่เท่าที่ เคยทาน ฝีมือ ป้าตุ๊ก  กับ ฝีมื้อน้องชาย เจ้าของร้านนี้แล้ว  มั่นใจได้เลยครับ  ว่า  อร่อยจน ต้องร้อง   " หร๋อย จั่ง หู๋ "    แทบทุกอย่าง แน่ๆ ครับ

ร้านนี้เปิด    08.00 - 18.00 น.
โทร 087-1849556


แผนที่ร้านอาหาร ทั้งหมดที่ผมเขียนแนะนำ ไว้ใน   " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดยป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM




ป๋าปึกส์
16/05/2557


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook


ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun