Translate

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Mee Na rice based cuisine ... เชียงใหม่

" Mee Na "   ...    rice based cuisine  ...  เชียงใหม่

ถ้าถามผมว่า   ..   ร้านนี้เป็นไงบ้าง ?
คำตอบ คำแรกของผม คงต้องตอบว่า  ...   ใจถึง จริงๆ ครับ

ที่ บอกว่าใจถึง  ก็  เพราะว่า  ...  ทั้งที่ตั้ง  และ  เวลาเปิดปิด  ไม่เหมือนใคร  จริงๆ ครับ
ร้านนี้   ตั้งอยู่ในซอย ที่ ค่อนข้างลึก  และ  ไม่ได้อยู่ในตัวเมือง
แถม  เวลาเปิดทำการ  ก็ค่อนข้างสั้นด้วยอีกต่างหาก  ครับ
เปิดขาย ตั้งแต่  10.00 - 17.00  ....  ปิด ทุกวันพุธ
แต่  ......   แต่  ..........   บอกได้คำเดียวครับ   ว่า  ...   " it's must "    ครับ















ร้านนี้   ตั้งอยู่ที่   13/5  หมู่ 2 , ตำบลสันกลาง  ,  ในพื้นที่ของ อำเภอสันกำแพง  ,  เชียงใหม่
โทร  087-177-0523
อ่านดูจากที่อยู่แล้ว  ดูเหมือนว่า  จะไกลจากตัวเมือง นะครับ  ....   แต่  ไม่ไกลอย่างที่คิดครับ
อยู่บน  ถนน เชียงใหม่-สันกำแพง (สายเก่า)  ในซอยเดียว ร้านเรือนแพ 1  นี่เองครับ
ถ้าขับรถ มาจากซุปเปอร์ไฮเวย์  ก็เลี้ยวเข้ามา ถนน เชียงใหม่-สันกำแพง (สายเก่า)  ที่ แยกหนองประทีป (ผมมักเรียกแยกนี้ว่า  แยก  Makro ครับ)
ตรงมาตามถนน ประมาณ 2 ก.ม.  ...  ผ่าน  สี่แยกถนนวงแหวน (ที่มีอุโมงค์ ลอด)
ตรงไปอีกประมาณ 2 ก.ม.  ..  ผ่านหมู่บ้าน  สิวลี  มาไม่ไกล  ก็ชลอรถเล็กน้อย  จะเห็น  ซอยด้านซ้ายมือ ที่ปากซอยมีร้าน  บ้านศิลาดล และ  ป้ายร้าน เรือนแพ 1
ขับเข้าซอยมาเรื่อยๆ เลยครับ  ผมกะคร่าวๆประมณซักเกือบ  2 กิโล  ก็จะเจอ วัด สีมาราม อยู่ด้านซ้ายมือ ...  เลี้ยวซ้ายตรงสุดกำแพงวัดเลยครับ  หลังจากนั้น ขับเข้าไป ตามป้ายของร้าน อีกไม่ไกลแล้วครับ

ดูแผนที่  ของร้าน ได้ที่นี่ ครับ
https://plus.google.com/101810775177323164295/about?gl=th&hl=th
















เท่าที่ทราบ  คำว่า  Mee Na  มาจากคำว่า   มีนา  ซึ่งหมายถึง  มี ที่นา
ได้ยินมาว่า   ...  เจ้าของร้าน เคยใช้ชีวิต และ มีประสพการณ์เรื่องอาหาร อยู่ใน ต่างประเทศ  ...  และ คิดจะกลับมาตั้ง รกราก  ใน  บ้านเกิด  เลยเลือกเอา จังหวัดเชียงใหม่  ที่  ครอบครัวของเค้า  มีนา  อยู่ที่เชียงใหม่  ...  เลยกลับมา พัฒนา ที่นา ที่มีอาคารหลองข้าว และ ศาลา  และ บ่อน้ำ  อยู่ในที่แปลงนี้

ร้านนี้ตกแต่งได้บรรยากาศ  แบบ เมืองๆ ถูกใจผมดีครับ  ...  ใช้  หลองข้าวเก่าแก่  วางเป็น เรือนหลัก อยู่สองเรือน  ยื่นเข้าไปใน บึงน้ำ ที่อยู่ในร้าน  ...   พื้นที่ระหว่าง หลองข้าวก็ จัดเป็นลานกว้าง   มีต้นไม้ใหญ่ ปกคลุม  ให้ความ ร่มรื่น ได้ดีเลยครับ  
การจัดวางโต๊ะเก้าอี้  การตกแต่งร้าน   ต้องถือว่า   เรียบง่าย  ..  ดูดี  ..  มีเสน่ห์  ดีเลย ครับ

ส่วนอาหาร  ก็  จัดจานก็เก๋ไก๋  ..   ดูจากรูปร่างหน้าตา ของ อาหาร ก็ออกจะเป็นอาหารไทย ที่ค่อนข้างทันสมัย  ...  แต่ รสชาติ  ยังได้อารมณ์ และ อรรถรส แบบอาหารไทยดั้งเดิม  อยู่พอสมควรเลยครับ


















อาหารร้านนี้  ที่ผมไปทาน มาแล้วชอบ  ก็ มีหลายรายการเลยครับ

ห่อหมกอันดามัน   .........   สีสัน  รูปร่างหน้าตา ดูทันสมัย กว่า ห่อหมกปรกติ ดีครับ
แต่พอแค่ตักชิม เข้าปากเท่านั้นเองครับ  ผมหันไปมองเพื่อนข้างๆ  แล้ว บอกว่า  " โดน ๆๆ "   ทันที ครับ
ถึงเครื่องจริงๆ ครับ  รสชาติจัดจ้านแบบปักษ์ใต้  แต่ไม่ถึงขนาดรุนแรง แบบ ใต้แท้ๆ  นะครับ
จานนี้  แนะนำ ว่าไม่ควรพลาดครับ   เค้าเสิร์ฟ  มาแบบร้อนกำลังดีครับ  แบบว่า เอาออกมาจากเตานึ่ง ก็ใส่จานยกมาเสิร์ฟ กันเลยทีเดียวครับ  ...   ไม่ได้วางตาก ลม ให้เย็นชืด เหมือน ห่อหมกในร้านอื่นๆ  ทั่วไปครับ  ..   ทานคู่กับ  ข้าว ไร้ซ์เบอร์รี่  ช่างเข้ากันดีจริงๆ ครับ


ผักเหลียงผัดไข่    ..........   อาหารที่มีอยู่ในร้านอาหารปักษ์ใต้ แทบทุกจังหวัดครับ
ผักเหลียงผัดมาแบบสุกกำลังดีครับ  สีสันของผักยังคงเขียวไม่ช้ำจากการผัดจนห่อเหี่ยวเกินไปครับ  เวลาเคี้ยว ได้อรรถรสของการทานผักเหลียงดีครับ  รสชาติ  อร่อยดีครับ













แกงเลียง กุ้งสด   .........   น้ำซุปแกงเลียง รสชาติกลมกล่อมดีครับ   แต่ถ้าได้พริกไท จัดจ้านกว่านี้ อีกซักหน่อย  น่าจะดีกว่านี้อีกครับ   ...  ส่วนเครื่องเคียงในแกง ใส่มาครบครัน  และ ผัก สดและสุก กำลังดี ไม่เละจนเกินไป ครับ


ปลาทอด ยำตะไคร้   ..........   เนื้อปลานิล หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ  คลุกแป้งทอด กรอบนอกนุ่มใน  เสิร์ฟมาพร้อม ยำตะไคร้ รสชาติ กลมกล่อม หอมกลิ่นตะไคร้และสมุนไพร  รสกลางๆ ไม่เผ็ด ไม่แซ้บ  มากนัก ครับ  ..  อร่อยดีครับ







ยังมี รายการอาหารอีกหลากหลายรายการ ที่น่าทานครับ
แต่ที่ไปในวันนี้   ไปกันแค่สองคน เลยทานได้น้อยหน่อยครับ
เท่าที่ดูในเมนู  ยังมี เมนูน่าทานอีกหลายอย่างเลยครับ
นอกจากนั้น  ยังมี ขนม และ กาแฟ และ น้ำผลไม้ ให้เลือกอีกมากมาย ครับ
คงต้องกลับไปทานอีกหลายรอบครับ

ติดตามรายละเอียด ของ ร้านนี้ จาก  Facebook  ของทางร้าน  ได้ที่
https://www.facebook.com/meena.rice.based


แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมด ที่ผมเขียนแนะนำไว้ใน   " แนะนำ ร้่านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM




    
ป๋าปึกส์
29/5/2558
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html







วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

ก๋วยเตี๋ยว " ดีเด็ด " หน้าสนามกอล์ฟลานนา .. เชียงใหม่

ก๋วยเตี๋ยว  " ดีเด็ด "   (สพานควาย)  หน้าสนามกอล์ฟลานนา  ..  เชียงใหม่

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ น้ำข้น เจ้าดัง จากสพานควาย   ....   มาเปิด  ที่  เชียงใหม่   ครับ

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ  ในบ้านเรา  พอจะแยกเป็นประเภทใหญ่ๆ  ได้ซัก 3 ประเภท
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ  น้ำข้น
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ  น้ำใส
ก๋วยเตี๋ยวเรือ

ถ้าถาม คนชอบทาน   " ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ "   ที่กรุงเทพฯ  ว่า     " มีก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ร้านไหนอร่อยบ้าง ? "
ผมเชื่อว่า   ...  หนึ่งในร้าน ที่อยู่ในใจ  คนชอบทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำข้น   ในเมืองหลวง (รุ่นเก๋าๆ)
น่าจะมี   ชื่อของก๋วยเตี๋ยว ร้านนี้  ...    ติดอยู่ใน  อันดับ ต้นๆ  แน่นอน ครับ














" ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ดีเด็ด "  ..  (ร้านนี้เปิด และ ได้  เชลส์ ชวนชิม  .. มา กว่า  40 ปีแล้วครับ)
หนึ่งในร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำข้น  ที่ครองความนิยม  ระดับต้นๆ  มายาวนาน กว่าชั่วอายุคนแล้วครับ  
ร้านนี้เปิดขาย มานานกว่า  40 ปีแล้วครับ  
สมัยก่อน  ใครจะหาก๋วยเตี๋ยวนำข้น รสจัดจ้าน  ก็ต้องมาแถวนี้แหละครับ
ย่านสนามเป้า  เลยมาจนถึง สพานควาย
ย่านนี้  จะมีร้าน ก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น  ร้านดังถึง  2  ร้านด้วยกันครับ
แถวๆ สนามเป้า  ....   ที่ปากซอย พหลฯ 5  ก็มี   ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ น้ำข้น  ชื่อว่า   " รสเด็ด "
เลยมาอีกนิดนึง   ...  ย่าน สพานควาย  ก็มี ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำข้น  ร้านนี้ นี่แหละครับ   " ดีเด็ด "
ทั้งสองร้าน  อยู่ใน ระดับแนวหน้าเหมือนกัน  และ  รสชาติ คล้ายคลึงกันมากครับ









ลักษณะเด่น  ของ ก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น  ของร้าน  ดีเด็ด   มีดังนี้ครับ

น้ำซุป   ...........    น้ำซุป เข้มข้น  จากน้ำต้มกระดูก  หอมกลิ่นยาจีน และ สมุนไพร อย่างมีเอกลักษณ์  ของตัวเองชัดเจนครับ   เวลาเสิร์ฟ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ  ของ ร้านนี้ เป็นน้ำซุปลักษณะปรุงรส  มาแล้วส่วนนึง  ด้วย  น้ำส้มพริกตำ (หอม น่าทานจริงๆ ครับ)  และ  น้ำปลา  .....   รสชาติน้ำซุปเป็นเอกลักษณ์ ของตัวเอง จริงๆครับ    ...  มีรสเผ็ดของ พริกน้ำส้ม  นำหน้าเล็กน้อย  ...  อร่อยเลยครับ
ส่วนคนที่ไม่ทาน เผ็ดเลย ก็บอกทางร้านได้นะครับ

พริกน้ำส้ม   ..........   ผมมักจะเล่าเสมอว่า  หัวใจ ของความสำเร็จในการทำร้าน ก๋วยเตี๋ยว มีไม่กี่อย่างเลยครับ    ...  น้ำซุป  ,  พริกน้ำส้ม  และ  วัตถุดิบที่ใช้  
พริกน้ำส้มแต่ละร้าน ก็ จะมีสูตรส่วนผสม  อันเป็น เคล็ดลับ ของตัวเอง ครับ
พริกน้ำส้มร้านนี้   รสชาติดี  .. หอม .. เผ็ดพอสมควร  และ เข้ากันดีกับก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ครับ

วัตถุดิบ ที่เลือกใช้   ..........   ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้น  ..  เนื้อเปื่อย  ..  ตับ  ..  เนื้อสด  .....   เค้าคัดสรร มาเป็นอย่างดี ครับ
เนื้อสด ,...   ที่นี่เค้า คัดเนื้อสด มาได้ดีเลยครับ  หั่นไสล์ดแบบความหนาความบางกำลังดีเลยครับ  ขนาดความบางของเนื้อ ช่วยทำให้เนื้อนุ่มโดยไม่ต้องใช้  สารใดๆ มาหมักครับ
ตับ  ....  สดเด้ง  จนเวลาที่ผมทาน  มักจะสั่ง  ตับแบบไม่ต้องลวก  ขอเพียงน้ำซุปเดือดๆ ราดลงมา ก็พอ
เนื้อเปื่อย  ....   เป็นอีกหนึ่งรายการที่คัดวัตถุดิบมาอย่างดี  ทั้งเนื้อ ทั้ง เอ็น ครับ
















ส่วน รายการก๋วยเตี๋ยว ร้านนี้  ที่ผมมาทีไร   เป็นต้องสั่งทุกทีไป  ก็มี

เส้นใหญ่ สด ตับ ไม่ลวก   ...........   ถามว่า  ทำไมต้องเส่นใหญ่  ..  ตอบว่า  แล้วแต่คนชอบครับ  ..  แต่ผมมีเพื่อนที่ เป็นเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยว อยู่หลายเจ้าครับ  แต่ละคนก็จะบอกคล้ายๆกันว่า   ..  เส้นใหญ่ ต้องสังซื้อใหม่ทุกวัน  ต่างกันกับ เส้นหมี่ และ เส้นเล็ก ซึ่งหลายๆแห่ง มักจะใช้เส้นสำเร็จรูป มาแช่น้ำ  ก่อนลวก  ....   ผมเลยเลือกทานเส้นใหญ่  เพราะอย่างน้อยมันก็ สด  กว่าเส้นอื่นๆ ครับ
น้ำซุบ  ร้อนๆ   ราดลงบน เนื้อสด และ ตับดิบ  ที่วางบนเส้นและผักลวกแล้ว    ...   โอวววววววว  เลยครับ
สีหม่นๆ  ของน้ำเนื้อ  และ น้ำตับ  แผ่รัศมีออกรอบตัว  ให้เราเห็นได้ชัดเลยครับ  ..  นั่นแหละครับ  หวานรสเนื้อ  หวานรสตับเลยครับ  
ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ แทบไม่ต้องปรุงอะไรเลยครับ  ..  และแนะนำว่า  ควรชิมก่อนปรุงด้วยครับ  
แต่ผมมักเติม พริกน้ำส้ม ในเวลาที่สั่ง เนื้อสดกับตับ ที่ไม่ลวก  เพื่อเพิ่มความจัดจ้านเข้าไปอีกครับ


เกาเหลา สด เปื่อย เอ็น  และ เนื้อสด-ตับ  ไม่ลวก   ..........   เนื้อเปื่อยที่เปื่อยแต่เป็นตัว (ไม่ถึงขนาดยุ่ย)  ..  เอ็นแก้ว  กรุบ แต่ นุ่ม และ ทานง่าย  ..  เนื้อสด - ตับ  ไม่ลวก  ...  เคียงมาด้วย ถั่วงอกและผักกาดหอม
เหยาะพริกน้ำส้มซัก ช้อนนึง  น้ำปลาซักหน่อยนึง กับ ข้าวสวยร้อนๆ   .....   จบข่าว  อิ่มแปร้  เลยครับ


สมัยก่อน  ตอนเค้าเปิดร้าน ใหม่ผมจำได้ว่า  ร้านนี้มีแต่ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ  ....   ต่อมา มี ก๋วยเตี๋ยวหมูมาเพิ่มขึ้นอีกอย่างนึงครับ  ตามความนิยม ของ ผู้บริโภค  ครับ
เดี๋ยวนี้  ไม่ทานเนื้อ  ไม่ทานหมู  ก็  ไปทานด้วยกัน ได้แล้ว ครับ
ราคา มาตรฐาน ครับ    ธรรมดา 40   พิเศษ 60  ครับ













วันนี้  ร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ เจ้าดัง จาก สพานควาย  กรุงเทพฯ  ...   มาเปิดให้ชาวเชียงใหม่  ที่ ชอบทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อ  มีตัวเลือกดีๆ  เพิ่มขึ้นอีกร้านนึง  แล้วครับ

ร้านนี้  ตั้งอยู่ใน ตึกแถว ฝั้งตรงข้าม  สนามกอล์ฟล้านนา   บนถนนเชียงใหม่  - แม่ริม
เลยธนาคารแห่งประเทศไทย  ไปไม่ไกล ครับ  (ฝั่งเดียวกัน ครับ)
เปิดบริการทุกวัน   10.00 น.  ถึง  18.00 น.   ครับ

ลองแวะ ไปชิมกันดู นะครับ

หากไปไม่ถูก สอบถาม ได้ที่    081-908-3421  



แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมด ที่ผมเขียนแนะนำไว้ใน   " แนะนำ ร้่านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM




    
ป๋าปึกส์
3/3/2558
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html





























วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

ปัญญ์ชลี อาหารเวียดนาม .. นิมมานฯ 15 .. เชียงใหม่


ปัญญ์ชลี  อาหารเวียดนาม  .. นิมมานฯ 15 .. เชียงใหม่  


หากเอ่ยถึง  อาหารเวียดนาม  ... ผมคิดว่า  คนที่ชอบทานผัก  คงนึกอยากขึ้นมาทันที เลยทีเดียวครับ
ชาวเวียดนาม เป็น ชนชาติที่ รับประทาน ข้าวเจ้า เป็นอาหารหลัก เช่นเดียวกันกับ คนไทยเรา  และ  ชาติอื่นๆ ใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แถมยังเป็น ประเทศที่ปลูก  ข้าวเจ้า เพื่อการส่งออก เป็น อันดับต้นๆ  ของ โลก กันเลยทีเดียวเลยครับ
เราจึงเห็น อาหารเวียดนาม หลายๆอย่าง  มีการใช้ ส่วนผสมจาก  แป้งข้าวเจ้า และ แป้งข้าวเหนียว เป็นส่วนประกอบ
แต่  ...   ด้วยความมีเอกลักษณ์ ที่แตกต่าง เป็นเอกลักษณ์ ของตัวเอง ใน รสชาติ ของอาหาร และ น้ำจิ้ม นานาชนิด  ที่ทานคู่กับอาหารเวียดนาม  ซึ่งส่วนใหญ่ มี รสเปรี้ยว , รสเค็ม และ รสหวาน  ของเครื่องปรุงอย่าง  ..  น้ำส้มสายชู , มะนาว , น้ำปลา , กะปิ  , กุ้งจ่อม และ ปลาร้า  .. คล้ายคลึง กับ อาหารไทย
จึงทำให้ ชาวเวียดนาม  นิยม รับประทาน ผักนานาชนิด  เป็นเครื่องเคียงกับอาหาร เกือบทุกชนิด
จนทำให้ คนที่  รับประทาน  อาหารเวียดนาม   รู้สึกเหมือนว่า  อาหารเวียดนาม  เป็นอาหาร ที่ใช้ผัก  เยอะกว่าอาหารอื่นๆ















วันนี้ ผมมี  ร้านอาหารเวียดนาม  อร่อยๆ  ราคาย่อมเยาว์  มาแนะนำ ครับ
ร้าน  ปัญญ์ชลี  อาหารเวียดนาม  ที่ สุดซอย  นิมมานฯ 15  ..  ตรงหัวมุมซ้ายมือ
ร้านนี้  เปิดบริการ ทุกวัน   ...  ตั้งแต่เวลา    09.00 น.   -   21.00 น.
โทร      084-173-8372

ร้านนี้เป็นร้าน โปร่งโล่ง  อยู่ใน ตึกแถวห้องหัวมุม  สุดซอย นิมมานฯ 15  ซ้ายมือ
มีโต๊ะนั่ง ราว ๆ   10   โต๊ะ
ผมไปทาน ครั้งแรก  เมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา นี่เองครับ
วันที่ไปทานวันแรก ก็ไปค่ำพอสมควรเลยครับ   เกือบ 2 ทุ่มแล้วครับ   ...  ผู้คนยังเต็มร้าน อยู่เลยครับ
พอนั่งโต๊ะ  คุณพี่ผู้หญิง วัยกลางคน ก็เอาเมนูมาให้  แล้ว ออกตัวให้เราได้รับทราบว่า
" วันนี้อาหารช้าหน่อยนะค้ะ  ..  พนักงานหยุด  ในครัวเหลือคนเดียว  พี่ก็เสิร์ฟคนเดียว  ..  อาหารต้องรอนาน นะค๊ะ "
พอพูดจบ  ผมก็ สอดส่าย สายตาไปทั่ว  ...   ยังเห็นลูกค้า   ยังคงนั่ง รออยู่เกือบเต็มร้าน  ..  นึกในใจว่า  ต้องมีทีเด็ด แน่ๆ  ไม่งั้นใครจะมานั่งรอ กันเต็มร้านแบบนี้  
ผม รีบตอบไปทันทีว่า   ..   " ผมรอครับ "  
ว่าแล้วก็ สั่งอาหารมาทันที ครับ  .....  รอไม่นานเลยครับ  ...  แป๊บเดียวเองครับ  ...  ก็ได้ทานครบแบบ อิ่มและอร่อยเลยครับ  ...  ที่สำคัญ  ราคาอาหาร ของร้านนี้  ต้องถือว่า  ถูก เลยทีเดียวเลยครับ
อร่อย และ ถูก  จน วันรุ่งขึ้น ผมกลับ ไปทานมื้อกลางวัน อีกรอบนึงเลยครับ  ...  คราวนี้  ยกกันมาทั้งครอบครัว  (4 คน)  เลยครับ   ...  แุถมยังสั่งอาหารแบบไม่ยั้งเลยครับ
เราสั่งกันไป  8 อย่าง  ...  รวมน้ำดื่ม และ น้ำผลไม้  แล้ว  ยังไม่ถึง  600  บาทเลยครับ















ขนมเบื้องญวน   ...........   แป้ง ข้าวเจ้า และ แป้งจากถั่วเขียว  นวดมาเข้ากันดีซะเหลือนเกินครับ  ทอดมา สีเหลืองสวย  ...  หอมกลิ่นผงกระหรี่   แทรกมาเล็กน้อย  ..  แป้งกรอบกำลังดี
ยัดไส้มาด้วย  เต้าหู้สับ , เห็ดหูหนูสับ , , หอมใหญ่สับ , ต้นหอมซอย  , ถัวงอก  และ หมูสับเล็กน้อย  ...  รสชาติกลมกล่อมเข้ากับแป้งดี ครับ
เสิร์ฟมาพร้อม น้ำจิ้ม อะจาด  รสชาติลงตัว  ...   อร่อยเลยครับ

กุ้งพันอ้อย  ..........    เนื้อกุ้ง สดๆ บดแบบไม่ละเอียดนัก   คลุกเคล้ามาครบรส  ด้วย เกลือ , พริกไท , น้ำตาล  ..  พันมา รอบ อ้อย ท่อนกำลังสวย  แล้วลงไปทอด จนเหลืองสวย  ...  เสิร์ฟมาพร้อม เส้นหมี่ลวก ที่ โรยหน้ามาด้วย หอมแดงซอย ทอด   และ น้ำจิ้ม รสหวานอมเปรี้ยวและเค็มเล็กน้อย  พร้อมรสเผ็ดเล็กๆน้อยๆ ของพริกตำ
วันนี้  ถ้าผม  ไม่กลัวอ้วนแล้วละก้อ   ...   ต้องสั่งเบิ้ล อีกจานแน่นอนครับ

















ป่อเปี๊ยะทอด   ...........   แป้งป่อเปี๊ยะ  ที่ร้านนี้ ทอดมา สีสันสวยน่าทานเลยทีเดียวครับ  ..  แป้งกรอบ ดีครับ  ..  ไส้ ก็อร่อยครับ  ..  ครบทั้ง เครื่อง และ รสชาติ ครับ  ...   น้ำจิ้ม ก็คล้ายคลึงกับ น้ำจิ้มอื่นๆ ครับ  ถ้าได้พริกขี้หนูตำ ลงในน้ำจิ้ม ซักนิดนึง  เด็ดเลยครับ  ...  แต่  ..  ยังไม่ทันจะขอพริกขี้หนูแดง ตำ  ก็หมดเกลี้ยงซะแล้ว ครับ

ป่อเปี๊ยะสด   ...........   ป่อเปี๊ยะสด ที่นี่ แป้งนุ่มดีจังเลยครับ  นุ่มแต่ยังคงความเหนียว แบบพอดี  ...  ห่อมาด้วยผัก  .. เนื้อหมู  .. หมูยอ  ..  แครอท  ..  ฯลฯ
ทานแล้ว รู้สึก  สุขภาพดีขึ้น ในทันที ครับ















ข้าวเกรียบปากหม้อ    ...........     แป้งที่นึ่งมาสุก และ สวย  ..  ไม่ได้สวยแต่รูป  อย่างเดียวนะครับ  .. แป้งยังนุ่มและเหนียวแบบกำลังพอดี   ..   ยัดไส้ มาครบเครื่อง อร่อยกลมกล่อม  ...  วาง หมูยอนึ่งไ้ด้านบน  น่าทานเลยครับ  ...  เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้ม  สามรสแบบเวียดนาม ที่มี ไชเท้าขูด และ แครอทขูด
จานนี้ แนะนำว่า   It's must  ครับ   ...  แป้งเค้าทำเอง  อร่อยจริงๆ ครับ


เส้นหมี่ หมูย่าง   ...........     จานนี้ไม่มีคำอธิบายครับ   เพราะมาจานสุดท้าย   ตอนที่ผม จัดการจานอื่นไปแล้ว เกือบ  7  รายการครับ















ก๋วยจั๊บญวน    ..........    จานนี้เป็น อาหารจานเดียว ประเภทเดียวกับ ก๋วยเตี๋ยว ครับ    ...   เส้นก๋วยจั๊บแบบญวน  ต้มมาในน้ำซุป  จนได้ความเหนียวของแป้ง ละลายในน้ำซุป  สีขาวขุ่นๆ เล็กน้อย  ..  โรยหน้ามาด้วยหมูยอ  และ หอมแดงซอย ทอดกรอบ
จานนี้ ถ้าทานแบบ ชาวเวียดนาม เค้าก็ไม่ใส่อะไรไปเพิ่มกันเลยครับ  
ทานแบบผม  ก็  แนะนำว่า  ...  เอาน้ำจิ้ม  3 รสแบบเวียดนาม  ที่เสิร์ฟมาพร้อม เส้นหมี่หมูย่าง  (ถ้าไม่ได้สัง เส้นหมี่ ก็ขอน้ำจิ้มเค้าได้ครับ)     ..  เหยาะน้ำปลาซักนิด  ..  พริกไทซักหน่อย  ..  อร่อยจริงๆ  ครับ

เฝอยำแห้ง    ...........    จานนี้ลูกสาวผม  สั่งมาครับ  ...  ดูคล้ายๆ กับเฝอ ทั่วไป แต่เอาน้ำออก  แล้ว ใส่เครื่องยำครบเครื่อง   ดูน่าทานดี ครับ   (แต่ชิมต่อไปไม่ไหวแล้วครับ)


ยังมีอาหารอีกหลายอย่าง   ทั้ง   แหนมเนือง  ,  ยำหมูยอ    ฯลฯ      ที่ผมยังไม่สั่งมาลอง
รับรองว่า  ต้องไปลองอีกหลายรอบ เลยครับ
อร่อย และ ราคา ย่อมเยาว์  จริงๆ ครับ
เราสั่งมาทั้ง  8  อย่าง  รวมน้ำดื่ม และ น้ำเสาวรส
พอเรียกคิดเงิน  ...  ราคา น่ารักที่สุดครับ  ทั้งหมดไม่ถึง  600 บาท ครับ


อย่าลืมแวะ  ไปลองทานกัน นะครับ
ร้าน  ปัญญ์ชลี  อาหารเวียดนาม
ที่ สุดซอย  นิมมานฯ 15  ..  ตรงหัวมุมซ้ายมือ
ร้านนี้  เปิดบริการ ทุกวัน   ...  ตั้งแต่เวลา    09.00 น.   -   21.00 น.
โทร      084-173-8372 




แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมด ที่ผมเขียนแนะนำไว้ใน   " แนะนำ ร้่านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM




    
ป๋าปึกส์
15/01/2558
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html




วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

" accha' " ... Fusion india ที่ นิมมานฯ ซอย 9 ... เชียงใหม่



" accha' " ...   Fusion India
indian  food & Bar
   ที่  นิมมานฯ ซอย 9  ...  เชียงใหม่




















ก่อนที่ผมจะแนะนำ อาหารอินเดีย
ขอเอาเรื่องราวของ ประเทศ และ อาหารอินเดีย มาเล่าให้ฟัง แบบย่อๆ ก่อนนะครับ

อินเดีย  ..  เป็นประเทศที่มีพื้นที่  ใหญ่ที่สุดเป็น อันดับ 7  ของโลก
ทิศเหนือ .....   ติดกับ จีน , เนปาล และ ภูฏาน
ทิศตะวันตก  .....  ติดกับ ปากีสถาน  และ มหาสมุทรอินเดีย  (ตะวันตกเฉียงใต้)
ทิศตะวันออก  .....  ติดกับ  พม่า , มหาสุทรอินเดีย  ,  ศรีลังกา และ บังคลาเทศ
ทิศใต้  .....  ติดกับ มหาสมุทรอินเดีย
อินเดีย  เป็น ประเทศที่มี ประชากร มากเป็น อันดับสอง ของโลก (รองลงมาจาก จีน)  .. มีประชากรมากถึง  พันล้านคน














ลักษณะ ของ อาหารอินเดีย  ...  เป็นอาหารที่นิยม ใช้ เครื่องเทศ , สมุนไพร และ ผัก ผลไม้ เป็นส่วนผสม และ เครื่องปรุงอาหาร
อาหารอินเดีย ในอดีต  เป็นอาหารที่ใช้  พืชผักสมุนไพร , เครื่องเทศ และ เนื้อสัตว์ น้อยชนิดมาก  ...  ในอดีต อาหารอินเดีย ได้รับอิทธิพล ด้านอาหารมาจาก ชาวมองโกล
แต่  ....  อาหารอินเดีย ที่เราเห็น ในปัจจุบัน เป็นอาหาร ที่เกิดขึ้นมาหลังจาก ยุคอาณานิคม และ ยุคที่มีการติดต่อด้านการค้า เครื่องเทศ ระหว่าง ชาวยุโรป และ อินเดีย
และ จากยุคอาณานิคม นี่เอง ที่ทำให้เกิดการผสมผสาน และ ความหลากหลาย ในการประกอบอาหารมากขึ้น  ..  และ อาหารอินเดีย นี่แหละ กลาย เป็น อาหารที่มี อิทธิพลทางอาหาร เข้ามาที่เผยแพร่ ใน ภูมิภาคเอเชียตะวันอกเฉียงใต้  แต่ได้รับการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงไปตามความชอบ ของ ผู้คนใน แต่ละ ท้องถิ่นนั้นๆ
แต่ละ  ภูมิภาค ในประเทศอินเดีย  ก็มีความแตกต่างในเรื่อง รสชาติ และ ความเข้มข้น ของเครื่องเทศ ที่ใช้ปรุงอาหาร
แต่ก็ไม่แตกต่างกับ ประเทศอื่นๆทั่วโลก  ที่ อาหารทางภาคเหนือ  ที่มักจะ มีความเข้มข้น และ จัดจ้าน  น้อยกว่า  อาหารใน ภาคใต้
















เอ่ยถึง  ..  อาหารอินเดีย  ...   อย่าเพิ่ง  ร้อง  " อั่ยหยา "  นะครับ
หลายๆคน มักจะนึกถึง  กลิ่นฉุน  ของเครื่องเทศ  ..  ความมันของกะทิ หรือ นม ในเครื่องแกง .. ความเผ็ดร้อน ของเครื่องเทศ และ สมุนไพร
แต่  ......   อาหารอินเดีย  ที่ผมเอาแนะนำในวันนี้  ไม่เป็นอย่างที่ เคยคิดและนึกภาพไว้แน่นอน ครับ
วันนี้ ผมเอา   ร้านอาหารอินเดีย (สไตลส์ปัญจาบ)   ร้านใหม่ล่าสุดของเมืองเชียงใหม่  มาแนะนำครับ
รัฐปัญจาบ   ...  เป็นรัฐที่อยู่ ภาคเหนือสุด ของอินเดีย ..  ซึ่งมี วิธีการประกอบอาหารที่แตกต่าง จากรัฐอื่นๆ ในอินเดียครับ  ความเข้มข้นจัดจ้าน น้อยกว่าอาหารอินเดียทางใต้ และ ภาคกลาง พอสมควรครับ
แต่ ยังคงไว้ซึ่ง เสน่ห์ ที่ยังคงให้เราสัมผัส วัฒนธรรมอาหารอินเดีย อย่างครบถ้วนครับ
ร้านนี้ หาไม่ยากครับ
เป็นร้านเล็กๆ  คล้ายๆซุ้มอาหารมากกว่า ร้านอาหารครับ  ..  อยู่บริเวณลานหน้าร้าน กาแฟชื่อดัง สตาร์บัค  ที่ นิมมานฯ ซอย 9  นี่เองครับ
ร้านเล็กๆ ที่มีครัวโชว์อยู่ในร้านแล้วให้เราเห็น การทำอาหาร แล้ว นั่งทานกัน สดๆ ตรงนั้นเลยครับ
ถึงแม้ ร้านจะดูเล็กๆแบบนี้ แต่ความสอาดสอ้าน และ รสชาติของอาหารไม่เป็น รองใครเลยทีเดียวครับ
รายการ อาหารมีให้เลือก มากมายหลายอย่างครับ  แต่ผมไปทีไรผมก็ สั่งมาทาน เฉพาะที่ผมชอบเท่านั้น ครับ  

ร้านนี้เปิด  ทุกวัน  ตั้งแต่  11.00 น.  -  22.00 น.
โทร   084-660-8668  














Chicken  Tikka   ...........    จานเด็ดที่ต้องสั่ง เป็นอาหารที่ทานง่าย และผมเชื่อว่า  คงถูกปากนักทานชาวไทยพอสมควรเลยครับ  ..  ไก่ ที่หมักเครื่องเทศ , สมุนไพร และ โยเกิร์ต .. อบมาจนสีเหลืองส้ม ของเครื่องเทศ หอมอบอวล  เสิร์ฟมาพร้อมผักตกแต่ง และ มะนาวสำหรับบีบ
เวลาทานแค่บีบมะนาว ลงไปนิดนึง ก็อร่อยแล้วครับ
หรือจะตักซ้อส สีเขียวๆ (ซ้อสที่ทำจาก โยเกิร์ต และ ใบสะระแหน่)  ที่วางมาในจานซ้อส 3 ชนิดที่ทางร้านเสิร์ฟมา ก็อร่อยเด็ดเลยครับ  ...  หรือ จะแกล้มกับ หอมแดงดอง ก็ไม่เลวเลยครับ
จานนี้เหมาะสำหรับ  สั่งมาทานจานแรก เพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนครับ


Lamb Masala  ...........   เนื้อแกะในแกงแบบ มาซาล่า  ...  เนื้อแกะหั่นเป็นชิ้นเล็กแบบพอดีคำ  แกงมาในเครื่องแกงที่คล้ายๆ แกงกระหรี่  แต่ใช้ มาซาล่า เครื่องเทศที่เป็นผงคล้ายๆ ผงกระหรี่ แต่ให้รสชาติ เข้มข้นและแตกต่างกว่า ทั้งสี และ รสชาติ   ...   เนื้อแกะ ที่มีกลิ่นมาซาล่า ทำให้รู้สึกว่า ชิ้นของเนื้อแกะในแกงนี้ น่าสนใจยิ่งนักครับ  ได้อารมณ์ของการกินแกะพอสมควร .. แต่ไม่มีกลิ่นสาบ ของเนื้อแกะให้หลายๆท่าน ต้องเมินหน้าหนี เลยแม้แต่น้อยครับ
ส่วน รสชาติมาซาล่า  ก็อร่อย กว่า แกงกระหรี่ธรรมดาพอสมควรเลยครับ  ...  ทานแกล้มด้วย หอมแดงดอง  อร่อยสุดๆ ครับ
จานนี้ ควรสั่ง  นาน  หรือ คนไทยมักเรียกกันว่า  โรตีแบบอินเดีย  มาแกล้มก็  อร่อยไม่รู้ลืมเลยครับ
หรือ จะสั่ง ข้าวบาสมาติ ผัดเครื่องเทศ และ ผงกระหรี่ สีเหลืองสวย  มาทานด้วยก็อร่อยล้ำ ครับ


Chicken  Curry   ...........   แกงกระหรี่ แบบ อินเดีย ...  อาหารจานนี้ เหมาะสำหรับ มือใหม่หัดขับ ที่มาทานอาหารอินเดีย เป็นครั้งแรกครับ  ..  สัมผัสรสชาติ แกงกระหรี่แบบอินเดียทางเหนือแท้ๆ ที่มีความเข้มข้นจัดจ้าน น้อยกว่าที่หลายๆคนคิดไว้เยอะทีเดียวครับ
รสชาติใกล้เคียงแกงกระหรี่แบบบ้านเรา แต่ไม่มีรสหวานแบบบ้านเรานะครับ  ...  ผมเชื่อว่าจานนี้ คนไม่เคยทานอาหารอินเดีย สามารถทานได้สบายๆ เลยครับ
จานนี้ ทานได้ทั้งกับ นาน และ ข้าวบาสมาติ ครับ  ...  อ้อ .. อย่าลืมแกล้มด้วยหอมแดงดอง นะครับ















Naan  (นาน)   ...........   นาน หรือ บ้านเรามักเรียกว่า โรตีแบบอินเดีย  ...  แป้ง Maida (แป้งผสม สำหรับทำนาน โดยเฉพาะ)  คลุกเค้ามาด้วย แป้ง , นมสด , ยีสต์ , น้ำมันพืช , เกลือ , น้ำตาลเล็กน้อย  คลุกเคล้าแล้วนวดจนเข้ากัน  ตีเป็นแผ่น กลมแบบโรตี แล้วเอาไปอบในโอ่งดิน ที่จุดไฟด้านล่าง
เอาไว้ทานคู่กับ แกงชนิดต่างๆ  ของ อาหารอินเดีย
มีให้เลือกทั้ง  นานธรรมดา และ  Garlic naan


ข้าว บาสมาติ   ...........   ข้าวสายพันธ์อินเดีย เมล็ดยาว  ผัดกับเครื่องเทศและผงกระหรี่  หอมอบอวล  เหมาะกับทานคู่ แกงแบบ อินเดียทุกชนิดครับ


อาหารที่ผมแนะนำ เป็นแค่ส่วนนึง จากอีกหลายสิบเมนู ของร้านนี้ ครับ  ...  แต่เป็นความชอบส่วนตัวของผม ที่ไปทีไร ก็สั่งอยู่แคนี้ นี่แหละครับ
สำหรับใคร ที่ไปทานร้านนี้ แล้ว มีจานไหนประทับใจ ก็  มาเล่าสู่กันฟัง บ้างนะครับ

ลองแวะไปชิมกันดู  นะครับ

accha'  ....  indian food & Bar  ที่ นิมมานฯ ซอย 9  ...  เชียงใหม่


ร้านนี้เปิด  ทุกวัน  ตั้งแต่  11.00 น.  -  22.00 น.
โทร   084-660-8668  



แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมด ที่ผมเขียนแนะนำไว้ใน   " แนะนำ ร้่านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM




    
ป๋าปึกส์
04/01/2558
ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html