Translate

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จิง จู ไฉ่ - โจ๊ก เกาเหลาเลือดหมู เชียงใหม่


 " จิง จู ไฉ่ "    โจ๊ก และ เกาเหลาเลือดหมู ... เยื้อง โชว์รูม  FORD  เส้นแม่โจ้  เชียงใหม่



                       จิง จู ไฉ่  หรือ  จิง จู ฉ่าย  .... ไปไหนมาไหน ตั้งแต่เหนือจรดใต้  หากท่านเห็นร้านขาย เกาเหลาเลือดหมู ไม่ว่าตลาดไหน ถนนไหน เมืองไหน  ก็ชื่อ ร้าน จิงจูไฉ่ หรือ จิงจูฉ่าย  ไปหมดทุกแห่ง ... ไม่ได้เป็น แฟรนไชน์ ไม่ได้เป็นสาขากันนะครับ  ...
                        จริงๆแล้วเป็น ชื่อสมุนไพรจีน ชนิดนึง ที่มี สรรพคุณ และ คุณค่าทางโภชนาการไม่น้อยทีเดียวครับ  เพราะ  " จิงจูฉ่าย "   น้ำหนัก  100 กรัม ให้พลังงาน 392 กิโลแคลอรี  ... ประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิด   เช่น   โปรตีน  , ไขมัน  ,  คาร์โบไฮเดรต  ,  เส้นใย  ,  แคลเซียม  ,   เหล็ก  ,   ฟอสฟอรัส  ,  วิตามินเอ  ,  วิตามินบี6   ,   วิตามินซี   และ วิตามินอี

                  
















                                   มาที่ สรรพคุณทางยา   กันบ้างดีกว่า   จุดเด่นของ   " จิงจูฉ่าย "    คือมีกลิ่นหอม  คล้าย ๆ กับ ตั้งโอ๋  ...  ยิ่งโดนความร้อนจะยิ่งหอม และ ยิ่งเพิ่มสรรพคุณมากขึ้น โดยกลิ่นหอมของ  " จิงจูฉ่าย "  มาจากน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ใน ลำต้น และ ใบ นั่นเอง ... ประกอบด้วย  สารไลโมนีน  , ซิลนีน และสารกลัยโคไซด์  ที่มีชื่อว่า อะปิอิน  ซึ่ง  สารเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต    จึงเหมาะกับ   ผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน  ....   แถมยัง  ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร  และ  ลำไส้ได้ด้วย ...  ส่วนต้นสด และ เมล็ดของ   " จิงจูฉ่าย "   มีโซเดียมต่ำ จึงดีต่อผู้ป่วยโรคไต
                                  นอกจากนี้ ในทางการแพทย์ เชื่อว่า   " จิงจูฉ่าย "   เป็น  ยาเย็น   จึงช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือดลม ให้หมุนเวียนได้สะดวก ... คนจีนจึงนิยม นำผักชนิดนี้ มาปรุงเป็นอาหารรับประทานในหน้าหนาว เพื่อช่วยในการไหลเวียนของโลหิต และ ปรับสมดุลของร่างกายได้ดีนั่นเอง
                                  พืชสกุล จิงจูฉ่าย หรือ สกุลเจินจูฉ่าย ( 珍珠菜, 真珠菜)    เป็นกลุ่มพืช สกุล Lysimachia   ถือเป็น สมุนไพรจีน ส่วนมากนิยมนำไปใส่ใน เกาเหลาเลือดหมู เพราะ ช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้ ... การแพทย์แผนจีนโบราณถือว่าผักชนิดนี้มี คุณสมบัติเป็นยาเย็น(หยิน) มีรสขม ลักษณะต้นขึ้นเป็นกอคล้ายต้นใบบัวบก  เจริญงอกงามในที่แดดรำไร ชื้น ดินโปร่งแต่ไม่แฉะ  (ขอบคุณ ข้อมูลดีๆ จาก วิกีพีเดีย)


        















                                  เกริ่นนำ เรื่องราว ความเป็นมาของ ชื่อร้าน  มาซะยืดยาว  ครับ  ...  ก็เพราะว่า ร้านเกาเหลาในบ้านเรา  มันกลายเป็นชื่อเดียวกันหมดทั้งประเทศ  ...  เลยต้องเอาข้อมูล และ ความหมาย ของ  ชื่อที่เค้านิยมตั้ง  มาให้รับทราบความเป็นมากันครับ  ...   ผมก็เป็นอีกคนนึงครับ ที่ชอบทาน  เกาเหลาเลือดหมู   มีความรู้สึกว่า ทานทีไรมันชื่นใจซะเหลือเกินครับ  ....  จำได้ว่าสมัยตอนที่ยังไม่ได้ย้ายมาอยู่ที่  เชียงใหม่  15 ปีที่แล้ว ผมอยู่ที กรุงเทพฯ ครับ)   ...   ทุกๆ วันหยุด  หรือ เสาร์ อาทิตย์  ในตอนเช้า ๆ  ผมมักจะชวน ภรรยา  ขับรถไป สวนลุม ตั้งแต่เช้าเลยครับ  ..  อ่า  .. ไม่ได้ไปวิ่งนะครับ  .. 555 ..  ไปทาน   " เกาเหลาเลือดหมู "   ครับ  ... ไปตั้งแต่ ร้านนั้นเพิ่ง มาเปิด ข้างรั้วสวนลุม  จนเดี๋ยวนี้ ก็ยังอยู่ที่เดิม  แต่ว่า แทบหาที่นั่งกันไม่ได้เลยหละครับ  ...  ใครอยู่ ก.ท.ม. ลองแวะไปชิมนะครับ ร้านที่ผมพูดถึง ร้านนี้  วางร้าน อยู่ใต้ต้นก้ามปู  เยื้องๆร้าน Brown Sugar  (ร้านดั้งเดิม)  ที่ซอยสารสินครับ  ... อร่อยจริงๆครับ   แต่ช้านิดนึงนะครับเพราะเค้าทำทีละชามเลยครับ
                                 วันนี้ขอแนะนำ   ร้านเกาเหลาเลือดหมู   ร้านโปรด อีกร้านนึงในเมืองเชียงใหม่ครับ  ...  ร้านนี้  อยู่ต้นถนน ทางไป  ม.แม่โจ้ ครับ ... ถ้าขับรถมาตาม ถนนซุปเปอร์มุ่งหน้าเข้าเมือง  ลอดอุโมงค์ตรง ศาลเด็กมา ...  มาจนถึง   สามแยกไฟแดง  ที่มี โรงพยาบาลเทพปัญญา  ก็เลี้ยวขวา มาเลยครับ ... ขับมาเรื่อยๆ จนเห็น โชว์รูม รถ FORD  อยู่ทางด้านขวามือ  ก็เริ่มชิดซ้าย ได้เลยครับ ... ร้านนี้ตั้งอยู่เลยป้ายร้าน  ข้าวต้มบาทเดียว  ไปนิดเดียวครับ


               













          
                                 ร้านนี้เปิดตั้งแต่เช้าตรู่เลยครับ ...  เปิดกันตั้งแต่   6 โมงเช้า ถึง บ่ายสองโมง   แล้ว ปิดพักร้านซักพักเดียวครับ  กลับมาเปิดอีกรอบตอนเย็น ตั้งแต่เวลา  17.00น. ถึง  21.00น.  ครับ ... ร้านเป็นห้องแถวห้องเดียว สอาดสอ้านดีครับ ... ในร้านติดบอร์ดรายการอาหารไว้ ตัวเบ้อเริ่มเทิ่มเลยครับ มีตั้งแต่    โจ๊ก .. ข้าวต้ม .. เกาเหลาเลือหมู  .... แต่ที่ผมต้องมาบ่อยๆ ก็เพราะมาติดใจ เกาเหลาเลือดหมู ร้านนี้นี่แหละครับ
                
เกาเหลาเลือดหมู   ........   เกาเหลาเลือดหมู จะอร่อยไม่อร่อย  อยู่ที่องค์ประกอบหลายอย่างครับ ...  ร้านนี้ โดนใจใช่เลยทุกอย่างครับ
เครื่องใน  .....  เครื่องใน แทบไม่มีกลิ่นคาว เลยครับ  ...  เค้าล้างมา แบบ ไหลน้ำมาอย่างดี  (คนโบราณเค้าล้างเครื่องใน  ด้วยการเอาเครื่องใน คลุกด้วยเกลือก่อน แล้วเปิดน้ำ ให้ไหลล้น ภาชนะที่ใส่ ตลอดเวลาครับ)  ...  ทำให้ เครื่องในทุกชนิด  ไม่ว่าจะเป็น  เซี่ยงจี๊  , ไส้  ,  ปอด  ,  ม้าม  อร่อย  และ ไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อยครับ  
เลือดหมู  .....   ใช้เลือดหมู ไม่ใช่ เลือดไก่  นุ่มเหนียวอร่อย  ...
หมูสับ   .....   หมูสับ เป็น หมูสับครับ  (หลายๆแห่ง  ไปบดหมู ซะละเอียด แถมใส่ แป้ง ใส่โน่น  ใส่นี่ จนแทบจะเป็น   "ลูกชิ้น"   ไปซะแล้วครับ) 
น้ำซุป   .....    น้ำซุป รสหอมหวาน  ตักมาแบบไม่ต้องขอเลยครับ  ตักมาเต็มชาม  ชามใหญ่ เกือบเท่า กาละมัง เลยหละครับ ....   เหยาะพริกไท เยอะๆหน่อย   อร่อยเหาะเลยครับ  ...  ที่สำคัญไม่แพ้อย่างอื่น ก็คือ  เครื่องปรุงครับ  
เครื่องปรุง  .....   พริกน้ำส้ม ใช้ พริกแดงตำ กลิ่นหอมอร่อยดีครับ ...  ส่วน พริกป่น .. น้ำปลา .. ก็เลือกใช้ของดีมีคุณภาพครับ  ...   ตามโต๊ะ ก็เตรียมถ้วยน้ำจิ้ม  ให้ไว้เรียบร้อยครับ
                 
ลองแวะไปชิมดูกันนะครับ   ...  โดยเฉพาะ ในช่วงหน้าหนาวที่เชียงใหม่  อากาศที่เย็นๆ  ได้ซด น้ำซุปร้อนๆ  เหยาะพริกไท เยอะหน่อย  อร่อย  สดชื่นดี ครับ



แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมด ที่ผมเขียนไว้ใน    " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "   ครับ
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM 





ป๋าปึกส์
2/07/2555

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html


ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น