Translate

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ก๋วยเตี๋ยวปลา พระราม 2 ที่ สันกำแพง เชียงใหม่


ก๋วยเตี๋ยวปลา พระราม 2  .... ที่ อำเภอ สันกำแพง 



                              หลายๆท่านอาจสงสัยว่า  ทำไมผม มาชิมก๋วยเตี๋ยว ไกลถึงอำเภอสันกำแพง ...  หรือว่า บ้านผม อยู่ที่อำเภอสันกำแพง ...  เปล่าครับ ...  ไม่ใช่เลยครับ  ... ที่ ผมดั้นด้น มาทานก๋วยเตี๋ยว ไกลถึง อำเภอสันกำแพง  ที่ร้านนี้  ก็คงเป็นเพราะ  ลูกน้องที่ทำงานของผมนี่แหละครับ ที่เป็นคน สันกำแพง ... และ ผมชอบให้เค้าพาไปตระเวณดู  ที่ดินแปลงสวยๆ ริมเขาแถวๆนั้นครับ  (เพื่อนๆ ชอบให้ผมหาซื้อที่ดินให้ครับ)  ...   ลูกน้องคนนี้ เป็น นักปั่นจักรยาน ตัวยงเลยครับ  ...  ปั่นจักรยานไปทุกซอกทุกมุม ในย่านอำเภอ สันกำแพง  (เค้ารู้หมดครับ ว่า ที่ดินแปลงไหน ติดป้ายขาย)  ...  แถมยังปั่นไปกลับ เชียงใหม่ - ลำปาง ทุกอาทิตย์ ... โอววว แข็งแรงจริงๆ ครับ  ผมเลยขนานนามเค้าว่า   " ตุ๊ สันกำแพง " ... ฟังดูเหมือนโจร เลยนะครับ  5555   ...   แต่โชคดีที่  พ่อตุ๊ คนนี้ หน้าตาขาวผ่อง  แลดู เจี๋ยมเจี้ยม  รูปร่างผอมเปรียว ผิดกับชื่อนะครับ  ....    คุณ ตุ๊   นี่แหละครับ ขี่จักรยาน มาทานก๋วยเตี๋ยวที่ ร้านนี้เป็นประจำ
                             วันนี้ระหว่างที่เราตระเวณดูที่แถวใกล้ๆ ตัวอำเภอสันกำแพง  เจ้าตุ๊  ก็พูดขึ้นมาในรถ ตอนใกล้ๆเที่ยง ว่า    " ป๋าครับ  ป๋าครับ ... ผมพาไปทาน  ก๋วยเตี๋ยวเศรษฐี  มั้ยครับ " 
" เฮ้ยยยยย   อะไรกันพ่อตุ๊ "   .....  ผมร้องเสียงหลง  
" เอ่อ ...  คือร้านเค้า แต่งแบบไม่ใช่ร้าน ก๋วยเตี๋ยว อะครับ ... บ้านเศรษฐี แถวนี้ ยังใหญ่ ไม่เท่า ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้เลยครับ " . .....  เจ้าตุ๊ รีบอธิบายต่อ.
" ตุ๊ .. ตุ๊ ... เอ็งเว่อร์ แล้ว "   ......  ผมรีบขัด  เจ้าตุ๊  ทันที
"  จริงๆครับ ไปดู ไปชิมกันมั้ย ครับ "   .....   เจ้าตุ๊ เชื้อเชิญแบบ ท้าทาย ทันที

















                             ว่าแล้ว ผมก็ลองรับคำเชื้อเชิญ แบบท้าทายของ ลูกน้องทันทีครับ  ...  เราก็ มุ่งหน้าสู่ตัว อำเภอสันกำแพง  เลยครับ  .....   ขับรถมาตาม  ถนนสันกำแพงตัดใหม่  (ถนนที่วิ่งตรงมาจากสนามบิน มุ่งหน้าไปทางน้ำพุร้อน สันกำแพง นั่นแหละครับ .. ระวังหน่อยนะครับ เค้ากำลัง ขยายถนนครับ)   .....   พอขับมาถึง  ทางแยกเข้าตัว อำเภอสันกำแพง  (แยกเดียวกันกับ  ที่กลับรถไป  ร้าน เฮือนใจยอง  นั่นแหละครับ)    ....   พอก่อนถึงแยก ก็ชิดซ้าย แล้วเลี้ยวซ้ายเลยครับ  ...  ขับตรงไปเรื่อยๆครับ น่าจะซักประมาณ 2-3 กิโล  ....    สังเกตุง่ายๆ  ....   ร้านนี้อยู่ไม่ไกล จากร้าน    " สันกำแพงโภชนา "   (ร้านอาหารไทยเก่าแก่ ประจำอำเภอ  ที่ผมเขียนแนะนำไว้เช่นกันครับ  ลองเปิดอ่านใน Blog  นี้ดูนะครับ   http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/10/blog-post_21.html   )    .
พอขับรถเลยร้านนี้ไปไม่ไกล  ประมาณซัก 5-600  เมตร  ก็ชะลอความเร็วเลยครับ  .....  ร้านนี้อยู่ด้านขวามือ ฝั่งเดียวกัน สันกำแพงโภชนา ครับ .....  อยู่ก่อนถึง  สี่แยกไฟแดง ที่ใกล้กันกับ โรงเรียนสันกำแพงฯ ครับ
















                              พอ เจ้าตุ๊  เลี้ยวรถ เข้ามาที่หน้าร้าน เท่านั้นเอง ...  เล่นเอาผมต้อง ร้องถามเจ้าตุ๊ ให้แน่ใจเลยครับ    ... " เฮ้ยยยย ตุ๊ ... นี่มันร้านก๋วยเตี๋ยวเหรอ "  (ผมแกล้ง ทำเสียงร้องแบบตกใจ  เพื่อเอาใจ เจ้าตุ๊ ครับ .. 55555)  ...   แต่ก็ ต้องถือว่าเป็น ร้านก๋วยเตี๋ยว ที่ดูดี มีชาติตระกูล ที่สุดร้านนึงเลยทีเดียวเลยครับ .....   ร้านกว้างขวาง ใหญ่โต  สอาดสอ้าน  จัดตกแต่ง ไว้ได้จังหวะ นั่งแบบสบายๆ  โปร่งโล่ง  สวยงามดีครับ ...  ออกมาตั้งแต่เช้า พอถึงร้านสอาดๆ ก็ต้อง รีบเดินไปเข้า ห้องน้ำ เลยครับ ... ก็เพราะ ตระเวณ ดุที่กันมา  ตั้งแต่เช้า  ...  ย่านแถวๆนี้ หาห้องน้ำ สอาดๆ  ดีๆ ได้ยากจริงๆ เลยครับ .... ใครผ่านมาแถวสันกำแพง  แล้วต้องการแวะห้องน้ำ  ผมขอ แนะนำ และ ยืนยันว่า ร้านนี้ ห้องน้ำสอาด กว่าทุกร้าน ในอำเภอเลยทีเดียวครับ  ....  เรียบร้อยก็ เดินกลับมานั่งโต๊ะที่ร้านครับ (อ้อ ห้องน้ำ ที่ร้านนี้อยู่ข้างร้าน  เค้าแยกอยู่ คนละอาคาร กับตัวร้านนะครับ)
                              ผมกลับมานั่งที่ร้าน  ก็เดินสำรวจเลยครับ ...  ที่นี่มี ก๋วยเตี๋ยวปลา พร้อม ลูกชิ้นปลา และ  กับข้าวอีกหลายอย่าง ทั้งแบบ อาหารภาคกลางและ อาหารปักษ์ใต้   (ผมเหลือบไปเห็นป้ายหน้าร้านตั้งแต่แรกแล้วครับ  เค้าเขียนว่า  โดย ครัวชาวใต้)  ...   สีสันของอาหารปักษ์ใต้  ที่วางโชว์อยู่ในตู้อาหาร  ช่าง สดใส   จัดจ้าน   น่าทานเลยทีเดียวเชียว ครับ

















                             เดินไปเดินมา  ก็มีชายหนุ่ม  มาทักทายด้วยสำเนียงคุ้นๆครับ  หวัดดี่ ครับ  (น้ำเสียงออกทองแดง แสดงความเป็นคนใต้ ออกมาเลยครับ ... 5555 )    ....   ผมหันไปดู เห็นชายหนุ่มหน้าตาเข้ม มั่นใจเลยครับว่า     " คนใต้ร้อยเปอร์เซนต์เลยครับ "   ...   แก ทักทาย แนะนำ อาหาร ด้วย อัธยาศรัยไมตรี ที่สุดแสนยอดเยี่ยม และ เป็นกันเองดีครับ ...  เมื่อนั่งโต๊ะกันเรียบร้อย แกก็แนะนำ รายละเอียดอย่างถี่ถ้วนเลยครับ ว่าร้านนี้มีอะไรอร่อยบ้าง  ....   ผมก็จัดแจง สั่งตามคำแนะนำเลยครับ

ก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นต้มยำปลา   ..........   พอเค้ายก ชามก๋วยเตี๋ยว มาให้ที่โต๊ะ  ก็เล่นเอาผมต้องร้อง ... โอววววววววว  เลยครับ  ...  ก๋วยเตี๋ยว ชามเบ้อเริ่มเทิ่ม เลยครับ ....  สีสัน ..  กลิ่น  ..  เนื้อปลาเป็นเนื้อปลา .. ลูกชิ้นเป็นลูกชิ้น ...  ให้มาแบบ แทบจะล้นทะลัก  ออกนอกชาม กันเลยหละครับ .... ผมต้องหันไปถาม  คุณต้น เจ้าของร้าน ว่า ปรกติเสิร์ฟอย่างนี้เหรอครับ  ...  แกก็ยืนยันว่า ให้เครื่องเยอะแบบนี้ทุกจานนี่แหละครับ  ...  แล้วก็ยัง ย้ำ อีกครั้งว่า   " กรุณา คนให้ทั่ว แล้วชิมก่อนปรุงนะครับ .. เพราะเครื่องปรุงต้มยำ  เค้าใส่มาก่อน  จะนอนก้น อยู่ด้านล่างครับ "   ...  ผมก็ปฏิบัติตามเลยครับ  คนเสร็จ ก็ตักชิม น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวก่อนเลยครับ   ....   อืมมมมม  พอตักเข้าปากชิม เท่านั้น  เสียงครางเบาๆ ออกมาโดยอัตโนมัติ ครับ  ...  รสชาติต้มยำ กลมกล่อม ดีเลยครับ  ...  แต่ผมเป็นคนชอบต้มยำที่ จี๊ดจ๊าดกว่าครับ  ก็เลย เติมน้ำปลาซักช้อน  น้ำส้มซักช้อน  โอววว  ...  แซ้บ ลงตัวเลยครับ ....   ทานเข้าไปซักสองสามคำ   เจอเนื้อปลาเข้าเลยครับ ... โอวว ปลาเป็นปลา จริงๆครับ  ... ผมแอบนึกในใจ  เจ้าของร้านนี้ แก กล้าให้จริงๆครับ ใช้ของอย่างงี้  กับราคา ชามละ 30  พิเศษ 40 ... ต้องบอกว่า สุดยอดเลยครับ

แกงมัสมั่นไก่   ..........   จานนี้ สั่งมาพร้อมกับ ข้าวเปล่า อีกจานนึงครับ ...  ก็ระหว่างไปเดินสำรวจตอนเดินเข้าร้านมา  ผมไปยืนดู ใส่อาหาร  ....  แล้วเห็น สีสันของ แกงมัสหมั่นไก่  ก็นึกอยากทานขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้วครับ  ...  มัสมั่น รสกลมกล่อม มัน หวานนำ  อร่อยเลยครับ  ...  เสิร์ฟมาพร้อมอะจาด ที่รสชาติด แกล้มกันได้ดีเหลือเกินครับ    
















                            ทานเสร็จแล้วก็เดินกลับไปดูตู้อาหาร  ไปเล็งว่า เที่ยวหน้าจะทานอะไรดี  ...  มีอีกหลายอย่างที่ น่าสนใจ ครับ  ทั้ว  แกงไตปลา .. ขนมจีนน้ำยา .. แกงเหลือง  ...  เท่าที่เห็นรูปร้างหน้าตาแล้ว พอจะ สันนิฐานได้ ว่า  รสชาติ น่าจะ     " หร๋อยจั่งหู๋ "     เลยทีเดียวครับ
                             อ้อ เกือบลืมเล่าไปครับ ว่าทำไมร้านก๋วยเตี๋ยวปลาร้านนี้ ถึงมีอาหารปักษ์ใต้ ขาย  ....  ก็ เจ้าของร้านชื่อ คุณต้น เป็นหนุ่มชาวใต้ ผู้มาหลงรัก สาวสันกำแพง  ...  ก่อนหน้านี้ แกเปิดร้านอาหารอยู่ที่กรุงเทพฯ  ที่มีทั้ง ก๋วยเตี๋ยว และ อาหารปักษ์ใต้  ...  ตอนนี้ ร้านที่ กรุงเทพฯ ก็ยังอยู่   แต่ความที่   ภรรยาของแก คิดถึงบ้านเกิด   แกก็เลยกลับมาเปิด ร้านก๋วยเตี๋ยว  ที่หรูที่สุดร้านนึงในเมืองเชียงใหม่  ..... ไม่ใช่แค่หรูอย่างเดียวนะครับ อร่อย จนผมต้องกลับไปซ้ำแล้ว ซ้ำอีกครับ ... ลองไปชิมกันดู นะครับ

ไปไม่ถูก โทรไปถามทางได้ครับ ที่    081-924-9979   หรือ  086-972-3297 



แผนที่   ร้านอาหารทั้งหมด ที่เขียนแนะนำ  ใน     " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM





ป๋าปึกส์
19/05/2555

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun



วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วาซาบิ WASABI


วาซาบิ      WASABI















                                  " วาซาบิ " .... ภาษาญี่ปุ่น   " ワサビ "   ...  เป็นเครื่องปรุง ที่ทำมาจากการบดลำต้นของ  พืช Canola (Japanese horseradish) ...  จัดเป็นไม้ยืนต้นที่อยู่ในตระกูลเดียว กับ พวกบรอกโคลี และ กะหล่ำ ... เป็นสมุนไพรดั้งเดิมของญี่ปุ่น   สามารถปลูกได้ทั้งบนดิน และ พื้นน้ำ โดยปลูกบนพื้นน้ำ จะให้คุณภาพที่ดีกว่า ในหลายประเทศ มักจะเรียก วาซาบิกันผิดๆ ว่า ฮอร์สแรดิชญี่ปุ่น ... ฮอร์สแรดิชสีเขียว หรือ แม้แต่ มัสตาร์ดญี่ปุ่น
                                ใบของวาซาบิ  จะคล้ายกับ ดอกของต้นโฮลีฮอค ... ต้นมีความสูงแค่เข่า ส่วนโคนลำต้นที่ใช้ในการทำอาหาร มีลักษณะเป็นหัวเหมือนหัวไชเท้า หรือ บอระเพ็ด แต่เป็นสีเขียวอ่อนๆ เมื่อบดแล้วมีกลิ่นที่ฉุนรุนแรง ... ถ้ารับประทานจะให้ความรู้สึกแสบร้อนขึ้นจมูกในระยะสั้นๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความกลมกล่อม จากรสหวาน และ ขม ผสมกัน และให้ความเผ็ดเล็กน้อย






 











                                  แหล่งที่ปลูก วาซาบิ อยู่ที่เมือง  ชิมิทสึ   ซึ่งแปลว่า   " น้ำสะอาด "  ... การปลูก วาซาบิ นั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องลงทุนค่อนข้างสูง  พืชชนิดนี้มักจะปลูกในที่โล่ง  แต่จะต้องมีการจำกัดปริมาณแสงแดดไม่ให้ส่องลงมาถูกต้นพืชโดยตรงในช่วงฤดูร้อน (ถ้าโดนแล้วจะให้ผลผลิตไม่ดี)    เนื่องจากมีแหล่งปลูกที่จำกัด   จึงทำให้ วาซาบิ มีราคาค่อนข้างสูง  ที่ประเทศไทยนั้นตามร้านอาหารมีระดับ หรือตามโรงแรมบางแห่งเท่านั้น ที่จะใช้โคนต้นวาซาบิสดบด  เพราะต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยราคากิโลกรัมละหลายพันบาท  ดังนั้นจึงมีวาซาบิเทียม   ซึ่งมีลักษณะเป็นผงสีเขียว และ ปรุงแต่งกลิ่นและสีเพิ่มขึ้น เมื่อนำมาผสมและกวนกับน้ำเย็นแล้วทิ้งไว้สักครู่   ก็จะมีหน้าตาเหมือนกับวาซาบิ ของแท้ แต่กลิ่นรสจะฉุนจัดจ้านกว่าเรียกว่า    " ผงวาซาบิ "
                                 แม้ว่าผลิตผลจะเผ็ดเกินกว่าที่จะนำมารับประทานเดี่ยวๆ   แต่ก็ได้รับการ  สั่งนำเข้า จำนวนมากจากบริษัทใหญ่ๆ ในญี่ปุ่น    เพื่อที่จะนำมาผสมผสานกับเครื่องปรุงอื่นๆ เช่น หัวไชเท้าและเครื่องเทศ ที่เรียกกันว่า   " เนริวาซาบิ "  และ  ตลาดของเครื่องปรุงเนริวาซาบิ  มีมูลค่าถึง 16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี   ในขณะที่วาซาบิแบบดั้งเดิมมีมูลค่าในตลาด 36 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี







 











 ประโยชน์ ของ วาซาบิ

กลิ่นฉุนของ วาซาบิ จะช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารทะเล ได้ทุกชนิด   เพราะสารที่อยู่ใน วาซาบิ เมื่อฝนเป็นแป้งกระทบกับออกซิเจนในอากาศ จะเกิดปฏิกิริยาเป็นทั้งกลิ่นฉุนและให้รสรุนแรง  สารนี้จะมีประโยชน์ ในการกระตุ้นต่อมน้ำลาย ให้ขับน้ำลายออกมา ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการย่อย อีกทั้งในวาซาบิยังอุดมด้วยวิตามินซี
การทำให้ วาซาบิ ให้มีกลิ่นหอม  ...  ในประเทศญี่ปุ่น  เค้าจะใช้ ที่ขูด วาซาบิ ที่ทำจาก หนังปลาฉลาม  ...  ซึ่งหนังปลาฉลามตากแห้ง จะทำปฎิกริยา กับ เนื้อวาซาบิ  จนทำให้เกิดกลิ่นหอม  ... ซึ่งเป็นประเพณีการทำอาหารญี่ปุ่น   ที่ถ่ายทอดมานาน นับพันปี
 


สรรพคุณ ทางยา ... วาซาบิ นอกจากจะช่วยดับกลิ่นคาวแล้วยังมีสรรพคุณทางยาดังนี้

:   มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค และ สามารถต่อต้านการติดเชื้อ แบคทีเรีย และเ ชื้อราบางชนิด
 
:   กำจัดพยาธิ ที่อาศัยอยู่ในปลาได้ เมื่อผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารของมนุษย์

 
:   ฤทธิ์ต่อต้านสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งของกระเพาะอาหาร

 
:   ป้องกัน เส้นเลือดอุดตัน ฤทธิ์ต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือด

 
:   ป้องกันฟันผุ ในอนาคตอาจนำไปประยุกต์เป็นส่วนผสมในยาสีฟัน

 
:   ช่วยกระตุ้นในการสร้างภูมิคุ้มกัน  ในการกำจัดเซลล์  ที่เริ่มผิดปรกติ



ขอบขอบคุณ  ข้อมูลจาก ... วิกีพีเดีย  สารานุกรมเสรี










ขอแนะนำ   " Tengoku Wasabi "      เป็น  วาซาบิ 100 %   เป็น  แบบที่ ค่อนข้างหาทานยากชนิดนึง ในประเทศไทยครับ
เค้านำ ทั้งเปลือก .. ทั้งราก  .. ทั้งเนื้อ   มาสับละเอียด  แล้วหมัก ตามสูตร ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก เชฟรุ่นใหญ่ จากแดนอาทิตย์อุทัย   ...  ที่มีรสชาติ แตกต่าง จาก วาซาบิทั่วไปอย่างสิ้นเชิงครับ
แต่ยังคง ความร้อนแรงแบบที่มีอรรถรส   อันเป็นศิลปะที่ลึกซึ้งกว่า  วาซาบิธรรมดา มากมายเลยครับ   ... ลองไปสั่งชิมกันดูนะครับ   ....   วาซาบิ   แบบธรรมดา จะแถมมาให้ ในจานซาชิมิอยู่แล้วครับ 
แต่    Tengoku Wasabi    พิเศษจานนี้  ต้องสั่งเพิ่มเป็นพิเศษนะครับ เพราะมัน พิเศษ จริงๆครับ  

หากใคร  อยู่ที่เชียงใหม่ แล้วอยากลองชิม  วาซาบิ แท้ๆ  100%  
แนะนำว่า  ลองแวะไปสั่งทาน ได้ที่     ร้าน    TENGOKU  de  cuisine 
ร้านอาหารญี่ปุ่น  ร้านนี้อยู่  ในซอย วัดบวกครกหลวง  ต้นถนน เชียงใหม่-สันกำแพง
ร้านอยู่   หน้าโรงแรม ดาราเทวี  ที่เชียงใหม่   ครับ

สอบถามเส้นทาง หรือ สำรองที่นั่งได้ที่     053-85-1133  ,  053-850-111
หรือ    081-885-5959   




แผนที่ร้านอาหารทั้งหมด ที่ผมเขียนแนะนำไว้ใน   " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM





ป๋าปึกส์
6/5/2555

ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ขนมจีน บ้านเจ็ดยอด ... เชียงใหม่

บุฟเฟ่ท์ ขนมจีน บ้านเจ็ดยอด  ...  ปากซอยพานิชย์การลานนา  .....  เชียงใหม่


"  จ่ายเงิน  140 บาท  ทอน 2 บาท  แล้ว อิ่มอร่อยได้ถึง 2 คน  " ต้องที่นี่เลยครับ  ...  " บุฟเฟ่ท์ ขนมจีนบ้านเจ็ดยอด "   เจ้าอร่อย อยู่ไม่ไกลเลยครับ .... ขับรถออกจากตัวเมือง จากแยกรินคำ เข้าสู่ถนน ซุปเปอร์ไฮเวย์  ตรงมา พอผ่านไฟแดง ตรงวัดเจ็ดยอด ...  ก็ชลอรถ แล้วชิดซ้าย เข้าซอยพานิชย์การลานนา (ซอยถัดจาก วัดเจ็ดยอด)  เข้าซอยมาก็จะมองเห็น ร้านนี้ อยู่ทางด้านขวามือ ของปากซอยเลยครับ ....  ติดกับสนามฟุตบอลในร่ม จะเห็นป้ายชื่อร้านครับ   และ ที่จอดรถกว้างขวางใหญ่โต ครับ 

โต๊ะวางขนมจีนและผักนานาชนิด
ป้ายหน้าร้าน

      









                                   พอเข้ามาถึงร้าน  ก็ตรงไปที่เค้าน์เตอร์ก่อนเลยนะครับ  ...  ชำระค่าเสียหายให้เรียบร้อย ท่านละ 69 บาท   ...  ผมเห็นฝรั่งเข้าไปทาน ร้านนี้ถึงขั้น ร้อง Oh my God  ออกมาดังลั่นเลยครับ  ...  ก็ในบ้านเมืองเค้า  69 บาท คงได้แค้เครื่องดื่ม ซักขวดนึง มั้งครับ  .....  พอชำระเงินเรียบร้อย   ก็รับ  จานท่านละ 2 ใบ  สำหรับใส่ ขนมจีนและผักสด  พร้อมช้อนซ่อม  ท่านละ 1 ชุด   ....   แล้วก็หาที่นั่งกันตามสบายเลยครับ
                                    ร้านนี้มีที่นั่งเยอะครับ  ผมว่าซักประมาณเกือบ 200 ที่น่าจะได้   ...  ร้าน ตกแต่ง และ  จัดไว้ให้ดูดีกว่า ร้านขนมจีนทั่วไปในเมืองนี้เลยทีเดียวครับ   มีเพลงเบาๆเปิดกล่อมตลอดเวลาอาหาร  (ปรกติร้านอาหารแบบนี้ก็มักจะเปิดเพลงไทย ..... แต่ร้านนี้ไม่ธรรมดา เลยครับ  เปิดเพลง Jazz หวานๆ ตลอดทั้งวัน)   ......   อาหารก็แน่นอนครับ ขนมจีน(ทางเหนือเค้าเรียกว่า ขนมเส้น)    แกงมีให้เลือกหลายอย่าง ครับ  
แกงเขียวหวาน   ,   แกงเผ็ด   ,   น้ำยา ทั้ง  น้ำยากะทิ  และ  น้ำยาป่า  ,  น้ำเงี้ยว  ,  น้ำพริก  และ  ซาวน้ำ  ฯลฯ    และ ยังมีอีกหลายแกง ที่ผมยังไม่ได้ลองชิมครับ  
แต่เผอิญผม เคยทาน  และ ทานไหวได้เท่านี้จริงๆ    เลยเขียนเท่านี้  ขอโทษนะครับ   แกงมีให้เลือก เยอะจนจำไม่หมดจริงๆครับ
เครื่องเคียง  ก็มีเยอะแยะไปหมดครับ   ทั้ง  ผักสด ทุกชนิดที่ทานกับขนมจีน  หัวปลี และ ผักทอด


ขนมจีน ซาวน้ำ ของโปรด
โต๊ะวางแกง...เยอะมากจนทานไม่หมด











ส่วน แกงที่ทานกับ ขนมจีน  จานโปรด  ของร้านนี้  ที่ ผมไปทีไรไม่เคยพลาดซักครั้งเลยครับ ก็มีดังนี้ ครับ
ขนมจีนน้ำพริก   ..........  ขนมจีนที่ได้รับการสืบทอดมาจาก สูตรอาหารตำรับชาววัง  ..  ที่นับวัน หาร้านที่ทำ ขนมจีนน้ำพริกนี้ ยากขึ้นไปทุกวันครับ  ...  ขนมจีนน้ำพริกร้านนี้ อร่อยเลยทีเดียวครับ  ครบเครื่อง รสชาติกลมกล่อม  มีรสหวานนำหน้าเล็กน้อย ตามสูตร น้ำพริกแบบชาววังครับ   ...  ผักชุบแป้งทอด และ หัวปลี  ไว้ให้เลือก ทานแกล้มกันได้ ตามใจชอบ  ...  แต่ ผักทอด จานนี้เด็ดจริงๆ ครับ   ....   อร่อยเด็ด จนวางลงบน ไลน์ บุฟเฟ่ท์ เมื่อไหร่  หมดเมื่อนั้น  ...   เรียกว่า  ต้องคอยจับตามองเลยหละครับ

ขนมจีน ซาวน้ำ  ...........   อีกหนึ่งจาน  ที่เป็นอาหารชาววัง  และ อาหารไทย ที่นิยมทานกันมาตั้งแต่  สมัยอยุธยา  ...   คนโบราณจะนิยมทาน ขนมจีนซาวน้ำ ใน หน้าร้อน  
น้ำแกง ซาวน้ำ ที่ทำมาจาก  กะทิหอม น่าทาน รสชาติหวานเค็มนำหน้าหวาน   ...   เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงครบครัน  ทั้ง กุ้งแห้งตำ  ..  สัปปะรด  .. กระเทียม  ..  ขิงซอย  
เวลาทาน  ตักน้ำแกงซาวน้ำ ราดหน้าขนมจีน เยอะหน่อยอร่อยดีครับ   พร้อมใส่ เครื่องเคียงให้ครบ ทั้ง สัปปะรด กุ้งแห้งตำ กระเทียม ขิงซอย พริกขี้หนูซอย  แล้วบีบมะมาว  ลงไปซักนิดนึง
โอววววว  ...   แค่เพียงนึกภาพ   ก็ต้องกลับไป  ทานอีกซักรอบนึงแล้วครับ  

นอกจากขนมจีนอร่อยแล้ว   .....  ราคาที่เค้าเก็บเพียง  69 บาท   ยังรวมน้ำดื่ม (น้ำเปล่า) และ  ของหวานอีกด้วยนะครับ  ...   ของหวาน ก็ไม่เหมือนกันทุกวัน   แล้วแต่ทางร้านเค้าจัดนะครับ  
มีสิ่งที่ไม่รวมอยู่ใน  69 บาท  ก็คือ   เครื่องดื่ม และ อาหารที่สั่งพิเศษ และ  ไม่ได้วางอยู่ใน Line ของ Buffet    ....   แต่ทุกอย่างในร้านนี้ถูกจริงๆ เลยครับ    
สำหรับใครที่จะไป   ร้านนี้  ช่วงใกล้ๆเที่ยง  ก็จะค่อนข้าง  หาที่นั่งยากหน่อย   เพราะร้านนี้กำลัง เป็นที่นิยมครับ
ส่วนใครต้องการซื้อใส่ถุงกลับบ้าน ก็มีบริการด้วยนะครับ
ขนมจีน ชุดละ  30  ...  ผักทอด ชุดละ  30  ...  ของหวาน ชุดละ  15 .
ราคา  ผมลงไว้ ตามวันเวลาที่เขียน  Blog  นี้นะครับ  ....   กรุณาเช็คกับทางร้านอีกทีนึง ครับ  

ร้านนี้เปิดตั้งแต่       10.00 น.   ถึง    16.00 น.   
ไปไม่ถูก หรือ   จองที่นั่ง   .....    โทร    081-671-4454

แผนที่ร้านอาหาร ทั้งหมดที่ผมเขียนแนะนำ ไว้ใน   " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดยป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM



ป๋าปึกส์
19/10/2553


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun