Translate

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ครัวศิลปาชีพ ... ที่ เชียงใหม่

 " ครัวศิลปาชีพ "     ..... ที่   เชียงใหม่ 



                              วันนี้ ขอเสนอ เรื่องราวความเป็นมา เกี่ยวกับ  " ข้าวแช่ "   เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงความเป็นมาของ      " ข้าวแช่ชาววัง "  (แบบย่อ และ ขอขอบคุณ ข้อมูลบางส่วน จาก วิกีพีเดีย) 

                               ในสมัยโบราณ  " ข้าวแช่ "   เป็นส่วนประกอบใน   เทศกาลสงกรานต์ของมอญ ...  โดยประเพณีของชาวมอญ ในอดีต กล่าวไว้ว่า  ... ในวันสงกรานต์จะต้องทำ  ข้าวแช่  ถวายพระสงฆ์ เพราะถือเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ถวาย   ....   และ ต่อมา  ข้าวแช่  ได้เข้ามาในประเทศไทย
โดยเริ่มจาก  ภายในพระราชวัง โดย ข้าราชบริพาร  ได้นำข้าวแช่มาถวายแด่  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 5)   และ  เป็นที่โปรดปรานของพระองค์  ...  และ นิยมรับประทานกันเฉพาะ  หมู่ข้าราชบริพาร ในบริเวณพระราชวัง  เท่านั้น  ...  ต่อมาหลังการเสด็จสวรรคต   " ข้าวแช่ "  เริ่มออกมาเผยแพร่  สู่ ประชาชนทั่วไป โดย ข้าราชบริพาร เริ่มนำออกมาทำ รับประทาน และ เผยแพร่สู่ ญาติสนิท มิตรสหาย  จนกลายเป็นอาหาร ยอดนิยม ในหน้าร้อน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  ...  และ ประชาชนทั่วไป  ในสมัยนั้น  ก็จะนิยมเรียกว่า  ข้าวแช่ กันว่า   " ข้าวแช่ชาววัง "    คงเป็นสาเหตุเพราะ   ได้รับการเผยแพร่มาจาก  ในวัง
                               " ข้าวแช่ "  ...   เป็นอาหารคาว ที่นิยมรับประทานกันในคนไทย ในเมืองหลวง  .. ตั้งแต่สมัยโบราณ  ในช่วงฤดูร้อน ... โดยการนำข้าวสุก ไปแช่ กับน้ำเย็น ที่ลอยด้วยดอกไม้กลิ่นหอม ... ซึ่งทานกับเครื่องเคียง   หลากหลายชนิด คือ   ลูกกะปิทอด  .. ผักผัดหวาน  ..  พริกหยวกสอดไส้  ..  เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน  ..  หัวหอมสอดไส้   ..  ผักกาดเค็มผัดหวาน  ..  ปลาแห้งผัดหวาน เป็นต้น





              
" ข้าวแช่ชาววัง "    ที่ทำแบบตำหรับชาววังแท้ๆ ที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน  ....  พิถีพิถัน  ครบเครื่องตามสูตร ชาววังเลยครับ    แค่ทราบถึงวิธีทำ ก็อร่อยแล้ว ครับ

ข้าวแช่   ..........   เฉพาะ การทำข้าว ก็พิถีพิถัน  เห็นแล้ว เหนื่อยแทนเลยครับ  ...  เค้าเลือก ข้าวหอมมะลิเก่า พันธุ์ดี  มาซาวในน้ำ หลายๆรอบ  จนน้ำใส มองเห็นเม็ดข้าว  ไม่มีสีขาวขุ่นของน้ำซาวข้าว   แล้วถึงนำไปหุง  หลังจากหุงเสร็จแล้ว  เอามาลงน้ำอีกทีเพื่อให้เป็นเม็ดสวย  แล้วถึงเอาไปผึ่งลม   ...  ส่วนน้ำข้าวแช่   ก็ต้องเอาไปอบเทียนหอม  ค้างคืน ..  บ้างก็ใส่ดอกมะลิ ลงไปให้หอมขึ้นไปอีกครับ   นี่แหละครับ   ที่ทำให้  รู้สึกหอมชื่นใจ ตั้งแต่  ยกชามข้าว มาเลยครับ

พริกหยวกยัดไส้    ..........    พริกหยวกสีเขียว  ลูกยาวประมาณฝ่ามือสาวๆ   คว้านไส้ในออกหมด  แล้วยัดไส้ด้วย หมูสับโขลก กับ กุ้งสับโชลก  คลุกเคล้าด้วย  กระเทียมพริกไท และ ปรุงรสด้วย น้ำตาล เกลือ เค้าไม่ค่อยใช้ น้ำปลากันเท่าไหร่ ครับ  ...  ยัดไส้ เสร็จเอาไปนึ่งพอสุก แล้วทิ้งให้เย็น ...  แล้วเอาไปทอดโดยชุบไข่ไก่ (บางแห่งก็ผสมแป้งลงในไข่)   ...  อร่อยดีเหลือเกินครับ ได้รสเผ็ดน้อยๆ ของเปลือกพริกหยวก  หอมอร่อย   (จานนี้ เวลาผมไปทาน ที่ ครัวศิลปาชีพ  ผมต้องสั่ง 2 ชุดเพื่อทาน พริกหยวกอย่างเดียว ทุกเที่ยวเลยครับ)

ลูกกะปิทอด   ...........  กะปิ ไม่ได้ มีพ่อ มีแม่ มีลูก นะครับ  ...  แต่ที่เรียกอย่างนี้ เพราะว่า เค้าเอามาปั้นเป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ จนเรียกตามลักษณะของรูปทรง ว่า   " ลูกกะปิ " ครับ
แต่    " ลูกกะปิ "   นี่แหละครับ  เป็นเครื่องวัด ฝีมือแม่ครัว  ของการทำ ข้าวแช่  เลยทีเดียวครับ  ... วิธีการทำ พิถีถัน หลายขั้นตอน เช่นกันครับ
เค้าเอา  กะปิ .. กระชาย .. ตะไคร้ .. ข่า .. ผิวมะกรูด .. หอมแดง .. รากผักชี .. กระเทียม .. เนื้อปลาดุกย่าง  เอามาโขลก  จนเข้ากัน  แล้วเอาไป  ผัดกับหัวกะทิ ด้วยไฟอ่อนๆ  ... ปรุงรสด้วย เกลือหรือน้ำปลา น้ำตาล  ...  ผัดจนแห้ง  แล้วทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนำมาปั้นเป็นก้อนเล็กๆ  แล้วนำไปทอด
โอววววววว  ....  แค่อ่านส่วนผสม กับ ขั้นตอนการทำ ก็ อร่อยแบบไม่ต้อง  อธิบายอะไรต่ออีกแล้วครับ

ยังมี เครื่องเคียงอีกมากมาหลายอย่าง  แต่ละอย่างก็ต้อง พิถัพิถัน กัน สุดฤทธิ์ครับ  ทั้ง
หอมแดงยัดไส้   ..  หมูเส้น  ..  ไชโป๊ หวาน  ...  ฯลฯ 
ข้าวแช่ จะเสิร์ฟด้วย ผัก ผลไม้ แนมอยู่ 2 อย่าง ครับ  ...   กระชาย   และ   มะม่วงเปรี้ยว


ที่   ครัวศิลปาชีพ   มี ข้าวแช่  แบบครบเครื่องทุกอย่างครับ   ....  แต่จะมีขายเฉพาะในฤดูร้อนเท่านั้นนะครับ   และ  ต้องจองด้วยครับไม่งั้นไม่ได้ทานแน่ครับ
นอกจาก  ข้าวแช่ แล้ว  ..  ยังมี  รายการอาหาร  ที่น่าทาน  อีกหลายอย่างเลยครับ
เช่น  ลาบเป็ดอี้เหลียง   ,   ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าปลาเต้าซี่   ,   ผัดเผ็ดแฮมหมูจินหัว  ,   สเต็กหมูจินหัวจิ้มแจ่ว  ,  เป็ดรมควัน  ,  ไส้กรอกรวม  ,   ปลาเทร้าท์ ทอดขมิ้น  ,  ปลาเทร้าท์รมควัน  ,  ผัดเผ็ดปลากดหลวงโหระพากรอบ     และ   ที่สำคัญที่สุด  อาหารทุกจานอร่อย และ คัดสรรวัตถุดิบ  มาอย่างดี


         










                                " ครัวศิลปาชีพ "   ตั้งอยู่ในกลุ่มอาคารจำหน่ายผลิตภัณฑ์  โครงการพระราชดำริ  ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ...  ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารหลัก 3 อาคาร   ประกอบด้วย อาคารจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในโครงการศิลปาชีพ  ...  อาคารจำหน่ายอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป (supermarket)  ผลิตภัณฑ์จากฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริในพื้นที่ต่างๆ   และ  สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง  และ ห้องอาหาร


                                  ครัวศิลปาชีพ  หาไม่ยากครับ อยู่ในบริเวณเดียวกับ สำนักงานกรมปศุสัตว์  ทางขึ้นดอยสุเทพ ... เลยประตูด้านหน้ามหาวิทยาลัย เชียงใหม่ มานิดเดียว อยู่ฝั่งเดียวกับ ส.น.ภูพิงค์  สังเกตุง่ายๆก็คือ สุดเกาะกลางถนน ก็จะเห็นป้ายด้านขวามือ เลี้ยวขวาเข้ามาเลยครับ  มีที่จอดรถสะดวกสบายครับ

 เปิดบริการ   09.00-22.00
จองโต๊ะ และ จองข้าวแช่ได้ที่ เบอร์     053-226-853  ถึง 6











       

                               ลองแวะไปชิมกันดูนะครับ ...  ข้าวแช่  ที่อร่อยแบบ   ตำรับ ชาววัง แท้แท้  ...  แถมยัง ได้มีโอกาส  สนับสนุน และ ส่งเสริม ผลิตผล ที่ผลิตจากโครงการหลวง อีกทางนึงด้วยครับ






แผนที่ ร้านอาหารทั้งหมด ที่ผมเขียนแนะนำ ไว้ใน     " แนะนำ ร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ "
https://mapsengine.google.com/map/edit?authuser=0&hl=en&mid=zi7qOsZPeff0.kmjHpvkh5cmM





ป๋าปึกส์
1/12/2553


ขอแนะนำ ร้านโปรดของผู้เขียน
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-1.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2010/11/tengoku-2.html
 : http://restaurantaroi.blogspot.com/2011/05/tengoku-de-cuisine.html

ติดตาม คอลัมน์ แนะนำร้านอาหารอร่อย โดย ป๋าปึกส์ ได้ทุกวันใน  Facebook
ได้ที่  : http://www.facebook.com/SuebsaengSun

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น